ฟ้า ฝน และใจคน

>> วีอาร์ไทย.คอม > กำลังใจ  ::

มีคำพูดว่า ถ้าเป็นเรื่องดี ทำเลย ไม่ต้องรั้งรอ ผลมันจะดีเอง

สองสามปีก่อน ผมไปธุระกับพี่สาวคนโต และเพื่อนอีกคนหนึ่ง แถวถนนสุขุมวิท 11 ในกรุงเทพฯ กว่าจะเสร็จ ก็เย็น ขับรถออกมาติดฝนอยู่ปากซอยตั้งนาน เลยคิดว่า ไปส่งพี่สาวก่อนดีกว่า เพราะอยู่ถนนพัฒนาการกว่าจะถึงบ้านคงหิวข้าวแย่ ถ้าต้องนั่ง รถ ปอ. และจะนั่งแท็กซี่ก็คงหลายร้อยบาท แต่ฝนก็ตกหนักจริงๆ มาถึงซอยเข้าบ้าน น้ำท่วมซอย เข้าไม่ได้ ฝนยังตกปรอยๆ ค่อนข้างหนัก และในรถก็มีร่มเพียงอันเดียว ผมบอกเพื่อนที่นั่งด้านหลังให้ส่งร่มให้หน่อย พี่สาวบอกว่า วิ่งเข้าบ้าน เปียกไม่เป็นไร วิ่งไปบนทางเท้า (ฟุตบาท) น้ำไม่ท่วม เดี๋ยวก็ถึงบ้าน อาบน้ำคงไม่เป็นหวัด

เอาน่า เป็นสาวเป็นแซ่ (มาตั้งนานแล้ว) เปียกฝนไม่ดูดี ที่บ้านมีร่มอีกหลายคัน ไม่ต้องรีบส่ง ค่อยมาเยี่ยมเยียนอาทิตย์หน้าค่อยขอคืน พี่ก็เลยรับไป กางร่มเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี เพื่อนก็มานั่งเบาะหน้าด้วยกัน แล้วผมก็ขับออกมาจากหมู่บ้าน และหิวแล้ว ขอขึ้นทางด่วนดีกว่า พอขึ้นทางด่วนได้ ฝนก็เทมาอย่างหนักจนมองแทบไม่เห็น รถส่วนใหญ่ กระพริบไฟหยุดอยู่ข้างทาง เพื่อนผมก็โวยวายว่า หยุดรถๆ มองไม่เห็นเลย ขับไปได้ยังไง ผมบอกว่า เห็นชัดเจนดี ป้ายไกลออกไปราวร้อยเมตร ก็ยังอ่านออก ผมอ่านให้ฟัง พอมาใกล้ๆ ก็เลยเชื่อ คงเป็นเพราะเขาใส่แว่น ทำให้มองไม่ชัดเจนเท่าผมที่สายตาปกติดี แต่ก็ยังทำท่าไม่ค่อยพอใจจากสีหน้า ผมถามว่า ไม่ไว้ใจคนขับหรือ ผมยังตาดีอยู่นะ เขาบอกว่า เปล่า เพียงแต่กังวลว่า ฝนตกหนักขนาดนี้ วิ่งฝ่าฝนขึ้นคอนโด จากที่จอดรถก็ไกลน่าดู คงต้องจับไข้แน่ เพราะเป็นคนโดนฝนทีไร เป็นไข้ทุกที ทำไมให้ร่มพี่เขาไป เรามีกันตั้งสองคน พี่เขาไปคนเดียว ฝนก็ซาแล้วด้วย

ผมเข้าใจทันที บอกไปว่า พี่เขาเป็นผู้หญิง และสูงอายุกว่าเรา จะหกสิบแล้วนะ สุขภาพเราน่าจะดีกว่า จะให้เขาวิ่งฝ่าฝนไปรึไง ไหนๆ ก็ไว้ใจเรื่องสายตาแล้ว ไว้ในอีกเรื่องนะ เพื่อนผมก็ทำหน้างงงง (ให้ไว้ใจอะไรอีก)

แล้วฝนก็ยังตกหนักไปจนถึงทางลงทางด่วนที่เมืองทองธานี เพื่อนผมก็ทำท่าแปลกใจเมื่อฝนเริ่มซา แต่ก็ยังหน้างออยู่ พอผมขับรถเข้าแถบคอนโด ฝนก็เหลือแค่ตกหยิมๆ เมื่อเราเปิดประตูรถ ฝนก็หยุดสนิท ไม่มีแม้แต่ละอองฝนให้ต้องกระหม่อมบาง ผมบอกว่า รีบเข้าคอนโด เพื่อนก็ดูยังไม่เข้าใจ แต่ก็วิ่งตามผมมา พอเราทั้งสองเข้าประตูคอนโด ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ไม่ลืมหูลืมตา เพื่อนผมหยุดกึก หันขวับไปดูฝน และนิ่งไปพักหนึ่ง และอุทานว่า โหย! มันชัดเจนขนาดนี้เลยเหรอ?

ผมพยักหน้า และบอกว่า เชื่อผมรึยัง ทำดี ไม่ต้องห่วงผล ฟ้ามีตา อย่างไรต้องได้ดี

เพื่อนผมเดินเข้าลิฟต์กับผมบอกว่า เขารู้ ว่าทำดีได้ดี แต่ไม่เคยสักครั้งจะชัดเจน จะจะ ขนาดนี้ เขาเชื่อแล้วทีนี้

ผมยิ้ม และส่งเพื่อเข้าห้อง บอกให้เพื่อนรีบอาบน้ำ เช็ดตัวให้แห้ง อย่างไรก็กันไว้ก่อน ถ้ารู้สึกไม่ดีก็ทานยาพาราเซ็ตกันไว้เลย แล้วก็ขึ้นไปอีกชั้นเข้าห้องผม และรีบอาบน้ำเหมือนกัน คืนนั้นฝนตกหนักไปจนถึงเช้า หลังจากวันนั้น เพื่อนผมกลายเป็นคนที่ตัดสินใจเรื่องดีๆ เร็วขึ้น และไว้ใจปรึกษาผมหลายเรื่องมากขึ้น

เดี๋ยวนี้ผมก็ยังเชื่อจริงๆ ทำดี ไม่ต้องแกรงว่าผลร้ายจะแทรกเข้ามาก่อกวนเราจากการทำดีนั้น ทำดี อย่างไรต้องได้ดี

ถ้าอยากทำเรื่องดีๆ ทำเลย!

ขอบคุณภาพ  http://ommyphuket.files.wordpress.com
ให้กำลังใจคุณโดย ไตรรงค์ ปิมปา จากใจวีอาร์ไทย.คอม  เวบไซท์เพื่อคนไทยสุขภาพดีทั้งกายใจ
www.werthai.com  (c) Copyright 2009