กรุ่นกลิ่นหอม

ต่อเติมจินตนาการให้ฟุ้งไปกับความหอม ของมวลกลิ่นหอมที่เรากับเก็บมาจากธรรมชาติและที่สังเคราะห์ขึ้น มาดูว่า เราจะปลดปล่อยกลิ่นที่เราต้องการด้วยวิธีไหนกับบ้างให้เหมาะสมกับ สปา ที่เราต้องการ

• บุหงารำไป คือการใช้กลีบดอกไม้แห้ง ใบไม้แห้ง เมล็ดอบแห้ง หรือบางส่วนของต้นไม้ ชนิดที่เลือกแล้วว่า ใช้ทำบุหงารำไปได้  จากนั้นนำมาประพรมด้วยกลิ่นหอมที่ต้องการ ดอกไม้แห้งบางชนิด มีกลิ่นหอมโดยไม่ต้องพรมน้ำหอม แต่มักไม่นิยม เพราะดอกไม้แห้งจะกลิ่นเบาบางเกินไป บางชนิด หรือบางร้าน อาจนำส่วนประกอบมาย้อมสีก่อน การใช้ก็เพียงแต่เอาบุหงารำไป วางไว้ในห้องที่ต้องการ กลิ่นหอมจะส่งกลิ่นอบอวนไปทั้งห้องตามที่ปรารถนา
  
  บุหงารำไป หาซื้อได้ตามร้านสปา ร้านขายของที่ระลึกบางแห่ง และตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป มักบรรจุในถุงพลาสติกใส หรือภาชนะที่ออกแบบให้มองเห็นความสวยงามของสีสัน ลักษณะอันสวยงามของดอกไม้ ใบไม้ทีใช้ทำ มีกลิ่นหอมมากมายหลายชนิดให้เลือก เมื่อกลิ่นจางลงก็พรมกลิ่นที่ต้องการลงไปได้อีก
  
  บุหงารำไป หากต้องการทำเองไม่ยาก เลือกเก็บดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมตามที่ต้องการมาอบให้แห้งโดยใช้เครื่องอบแห้ง ดอกไม้บางชนิดสามารถตากให้แห้งด้วยแดด ส่วนใหญ่จะใช้วิธีผึ่งให้แห้งในที่ร่มที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ซึ่งการผึ่งในที่ร่มจะสามามารถรักษาสีและกลิ่นของดอกไม้ได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็นดอก หรือใบ หรือเมล็ด ของต้นไม้ที่ไม่มีกลิ่น แต่รูปร่างสวย สามารถดูดซับกลิ่นได้ดี จะได้รับความนิยมมาทำบุหงารำไปมาก ส่วนท่านที่ชมชอบสี ก็สามารถใช้สีผสมอาหาร ย้อมง่ายๆ โดยจุ่มบุหงารำไปแห้ง ในน้ำเจือสีผสมอาหาร แล้วผึ่งให้แห้งก็ได้บุหงารำไปสีสวยแล้ว ข้อควรระวัง คืออย่าให้ชื้น อาจทำให้ขึ้นรา หมั่นดูว่าขึ้นรา สกปรก หรือเป็นที่อยู่ของแมลงหรือไม่ และเปลี่ยนเมื่อพบว่าไม่ดูดีแล้ว หรืออายุใช้งานเกิน 3-4 เดือนแล้ว
   

• เทียนหอม เป็นเทียนที่ผสมน้ำมันหอมระเหย ควรเป็นน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ เลือกกลิ่นที่ต้องการได้หลากหลาย การใช้ก็เพียงจุดไฟที่เทียนไว้ที่จุดที่ต้องการในห้อง หรี่ไฟในห้องให้สลัวลง  หรือปิดไฟ จะได้บรรยากาศจากแสงสีของเทียน
  
  เทียนหอม มีการออกแบบมากลวดลายหลายประเภท ทั้งรูปทรงที่แตกต่างกันไปให้เลือกใช้ และหากชอบประเภทลอยน้ำได้ ก็จะมีแบบประดิษฐ์เป็นเทียนแบนๆ หรือรูปดอกไม้ หลายๆ แบบ จุดแล้วนำไปลอยน้ำได้สัก 10-30 นาทีแล้วแต่ขนาด แล้วจะดับเอง เหมาะจะใช้ลอยในภาชนะแก้วเจียรนัย แก้วมีลวดลาย หรือภาชนะสีสันเข้ากับห้อง
  
  หากหาเทียนหอมไม่ได้  ก็สามารถใช้น้ำมันหอมระเหยสัก 2-3 หยด หยดลงบนเนื้อเทียน ใกล้ๆ เปลวเทียน ก็ส่งกลิ่นหอมได้เช่นกัน แต่ต้องระวัง เพราะน้ำมันหอมระเหยทุกชนิด ติดไฟได้ จึงต้องหยดห่างเปลวไฟ และน้ำมันหอมระเหยบางชนิด หากถูกเปลวไฟโดยตรงอาจเผาให้เป็นสารที่มีพิษ หรือระคายเคืองได้
  
  การใช้เปลวไฟ จะช่วยกระจายกลิ่นไปทั่วห้องได้ง่าย เนื่องจากความร้อนจะทำให้อากาศเบาขึ้น ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของอากาศรอบข้างไปแทนที่ กลิ่นจึงวนตามออกไปด้วยเบาๆ การใช้ความร้อนจึงเป็นที่นิยมของการนำพากลิ่นให้มากขึ้นได้ง่าย
   

• ธูปหอม เป็นธูปที่ทำจากเนื้อไม้ที่มีกลิ่นหอม หรือขี้เลื่อยไม้ที่ผสมกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหย ที่นิยมกันมีทั้งแบบทำคล้ายธูป คือมีไส้ไม้ ฝั้นด้วยขี้เลื่อย หรือชุบขี้เลื่อยที่มีกลิ่นหอม หรือปั้นเป็นก้อนรูปแบบต่างๆ เป็นแบบที่นิยมกันตั้งแต่โบราณ เพื่อสะดวกแก่การใช้ ปัจจุบันมีเลือกซื้อหาทั่วไปในร้านขายสปา ร้านขายของที่ระลึก ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า ราคาไม่แพงนัก มีให้เลือกมากมายหลายกลิ่น หลายรูปแบบ
  
  ข้อควรระวัง คือต้องจุดในที่ อากาศระบายดี เนื่องจากต้องการออกซิเจนในการเผาไหม้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีเขม่าจากควัน ทำให้เกิดภูมิแพ้ได้บางท่าน ซึ่งหากระบายอากาศได้ดีแล้วยังเกิดภูมิแพ้ ควรใช้เตาน้ำมันหอมระเหย อ่างน้ำอุ่น หรือเครื่องทำไอน้ำแทน
   

• ใช้ก้อนสำลี การกระจายกลิ่นง่ายๆ ที่จะได้กลิ่นหอมของพืชพรรณธรรมชาติ ทำได้โดยการนำน้ำมันหอมระเหยไปหยดบนสำลี ก้อนเล็กๆ สัก 5-6 หยด แล้วใส่ในภาชนะเล็กๆ น่ารักๆ สักหน่อย วางตามจุดที่ต้องการในห้อง
  
  วิธีนี้เหมาะกับเมืองร้อนอย่างเรา ก็หอมกรุ่นได้ทั้งห้อง อาจจะใช้พัดลมช่วยกระจายกลิ่นก็เพียงพอ  แต่หากเป็นเมืองหนาว ควรนำไปวางไว้ใกล้ๆ เครื่องทำความร้อน จะช่วยฟุ้งกระจายกลิ่นหอมให้ทั่วห้องได้ดีขึ้น
  
  เนื่องจากวิธีนี้ ไม่มีการช่วยกระจายกลิ่น ท่านที่นอนห้องแอร์ที่เย็นหน่อย อาจจะผิดหวังเพราะไม่หอมเท่าที่ควร
   

• ขั้วหลอดไฟ ไม่น่าเชื่อว่า แม้ขั้วหลอดไฟ ก็นำมาประยุกต์ใช้ได้ วิธีการคือหยดน้ำมันหอมระเหย สัก 1-2 หยด ลงขั้วหลอดไฟที่ทำจากโลหะ หรือเซรามิค ก่อนเปิดไฟขณะหลอดไฟยังเย็น รอให้แห้งก่อน แล้วเปิดไฟ ความร้อนจากขั้วหลอดไฟ จะช่วยกระจายความหอมกรุ่นจากน้ำมันหอมระเหยได้
  
  วิธีนี้เหมาะกับหลอดไฟที่เปิดง่าย เช่น ไฟหัวเตียง ไฟอ่านหนังสือ แต่ต้องระวังการถอดหลอดไฟให้ดี อาจทำให้ชำรุดหรือเกิดไฟดูดได้
   

• สเปรย์น้ำหอม สเปรย์ปรับอากาศ จะผลิตมาจากโรงงานอุตสาหกรรม เป็นอีกวิธีที่ง่ายต่อการสร้างบรรยากาศด้วยกลิ่นหอมที่ดีในสถานที่ต่างๆ มีทั้งชนิดอัดอากาศ หรือปั๊มพ่นแบบน้ำหอม การฉีดให้ฟุ้งไปในอากาศ ก็จะรวดเร็วทันใจหอมได้ทันที แต่หากต้องการให้กระจายกลิ่นได้นาน สามารถฉีดได้ที่หมอนอิงที่โต๊ะรับแขก ผ้าม่าน  พรม โดยต้องแน่ใจว่าจะไม่ทำให้กลิ่นเสียไป สิ่งที่จะพ่นควรเป็นใยที่ผลิตจากธรรมชาติ เช่น ฝ้าย ลินิน สำลีธรรมชาติ พ่นให้ห่างสัก 6 นิ้ว จะเป็นวิธีที่ดีที่จะเก็บกลิ่นไว้ และค่อยๆ กระจายกลิ่นให้ต่อเนื่อง
  
  อย่าลืมว่า น้ำหอมจากน้ำมันหอมระเหย ไม่ใช่น้ำหอม หากเลือกสเปรย์จากน้ำมันหอมระเหย จะช่วยในด้านสปา ทำให้ผ่อนคลาย หรือสร้างอารมณ์ที่ดีให้ เช่น น้ำมันหอมระเหยจากยูคาลิปตัส นอกจากช่วยผ่อนคลาย ยังช่วยบรรเทาหวัด และทำให้สดชื่นด้วย
   
• ตะเกียงน้ำมันหอมระเหย หรือเตาเผาน้ำมันหอมระเหย เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะได้ผลดีในการกระจายกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหย ได้ดี วิธีการหลักก็คือการใช้ความร้อนจากเทียนไร้ควันไร้กลิ่น จุดให้ความร้อนกับน้ำที่หยดน้ำมันหอมระเหยไว้ ความร้อนจากน้ำ จะช่วยให้น้ำมันหอม ระเหยกลิ่นออกไปได้ง่าย และรวดเร็ว อย่างต่อเนื่อง
  
  ตะเกียงนี้มีการออกแบบไว้อย่างหลาหลายให้เลือกเข้ากับห้อง หรือสถานที่ที่ต้องการให้กลิ่นหอม ระวังอย่าจุดเตาน้ำมันหอมระเหยในห้องแคบๆ ที่ไม่มีการระบายอากาศ เพราะผู้ที่อยู่ในห้องอาจขาดออกซิเจนหายในจนหมดสติได้ เนื่องจากการเผาไหม้จะแย่งออกซิเจนไป อาจใช้แบบที่เป็นหลอดไฟใช้ไฟฟ้าแทนเทียนไขแทน ข้อควรระวังอีกอย่างคือต้องคอยดู หรือเติมน้ำให้เพียงพอ อย่าให้น้ำแห้ง เพราะอาจเผาไหม้น้ำมันหอมระเหยโดยตรง ซึ่งบางชนิดอาจมีพิษ หรือระคายเคืองต่อผิวหนังหรือทางเดินหายใจได้ แต่ถ้าเติมมากไปก็จะไม่ส่งกลิ่นหอม เนื่องจากไม่ร้อนพอที่จะให้ระเหยกระจายกลิ่น
   

• การใช้น้ำอุ่น เป็นกรรมวิธีที่ง่าย และไม่ยุ่งยาก หาภาชนะที่ทำจากแก้ว หรือเซรามิคสวยๆ ใส่น้ำอุ่นจัดลงไปพอสมควร หยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ต้องการ ลงไปสัก 4-5 หยด ความร้อนจะช่วยกระจายกลิ่นให้อบอวนได้ทันที
  
  วิธีนี้ น่าจะประยุกต์มาจากตะเกียงน้ำมันหอมระเหย ข้อดีคือไม่ต้องคอยระวังเรื่องไฟ หรือเทียน ข้อด้อยอาจจะเป็นความไม่ต่อเนื่อง เมื่อน้ำเย็นลง ประสิทธิภาพในการกระจายกลิ่นก็ลดลงไปด้วย
   

• ผสมน้ำอาบ ผู้คนจำนวนมาก ผ่อนคลายความตึงเครียดตนเองหลังการทำงานหนักมาทั้งวัน ด้วยการแช่น้ำในอ่างอาบน้ำที่บ้าน การเติมน้ำมันหอมระเหยลงไปในอ่างอาบน้ำ จึงมีประโยชน์ได้สองทาง คือการสูดกลิ่นของน้ำมันหอมระเหย และการซึมซับผ่านผิวหนัง
  
  ระวังอย่าให้น้ำร้อนเกินไป อาจมีผลต่อผิวหนังได้ ผละไม่ควรหยดน้ำมันหอมระเหยเกิน 6 หยด เนื่องจากมีบางส่วนสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง อาจระคายเคืองได้ และหากใช้กับเด็ก หรือท่านที่ผิวแพ้ง่าย ลดลงน้ำมันหอมระเหยครึ่งหนึ่ง สำหรับบ้านที่เป็นอ่างแบบนั่ง (อ่างญี่ปุ่น หรืออ่างไม้นั่งแช่) ก็ลดลงครึ่งหนึ่งเช่นกัน คือประมาณ 3 หยด นอนแช่สัก 10-20 นาที จะใช้กลีบดอกไม้ หรือดอกไม้ทั้งดอกลงลอย สร้างสีสันด้วยก็น่าสนใจมาก แม้ดอกไม้บางอย่างไม่ให้ผลผ่อนคลายโดยตรงแต่ก็เป็นการผ่อนคลายทางสายตาได้
  
  การแช่น้ำอุ่นผสมน้ำมันหอมระเหย เฉพาะมือหรือเท้า แช่สัก 10-15 นาที ก็ได้ผลดี เหมาะกับช่วงหน้าหนาว หรือวันที่ใช้มือและเท้าบ่อยหรือมาก ช่วยผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดความเมื่อยล้า และช่วยดูแลผิวไม่แห้งกร้านก่อนวัยด้วย
   

• เครื่องทำไอน้ำ เป็นเครื่องที่ใช้การสั่นสะเทือนของแผ่นเซรามิคด้วยเสียงความถี่สูงจากไฟฟ้ากระแสตรง ทำให้เกิดละอองน้ำขนาดเท่าไอน้ำ ฟุ้งกระจายออกมา ใช้แช่ลงในน้ำลึกสัก 1-2 ซม. แล้วแต่ขนาดเครื่อง ดูจากคู่มือที่ได้รับมาพร้อมเครื่อง หรือลองจุ่มน้ำดูว่าทำงานได้ดีในน้ำลึกเท่าใด หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์สปา ร้านขายอุปกรณ์ ตกแต่งบ้าน หรืออุปกรณ์เลี้ยงปลาบางร้าน ราคามีตั้งแต่หลายร้อยถึงหลายพันบาท เครื่องทำไอน้ำ เริ่มเป็นที่นิยม เนื่องจากให้ภาพไอน้ำที่ดูสวยงาม เพิ่มความชุ่มชื่น ใช้ตกแต่งบ้านได้ดี ผู้ผลิตบางรายอ้างว่าสามารถลดการเติบโตของเชื้อโรคบางตัวได้ด้วย
  
  เราประยุกต์ใช้อ่าง หรือโอ่ง หรือภาชนะปากกว้างหน่อย หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปก่อนเปิดเครื่อง เครื่องทำไอน้ำจะช่วย กระจายกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยได้ดี อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องใช้ความร้อน ทำให้กลิ่นสดชื่นไม่แห้ง กลิ่นดอกไม้จะเจือด้วยความชุ่มชื่นเหมือนธรรมชาติดีกว่า กลิ่นที่รุนแรงก็ลดลงนุ่มนวลขึ้น
  
  สิ่งที่ต้องระวังคือ น้ำจะกระเด็นออกเป็นแนวกว้างได้ อ่างที่ออกแบบใช้กับเครื่องทำไอน้ำจะทำวัสดุกันน้ำกระเด็นไว้ด้วย และเนื่องจากไอน้ำสร้างจากการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงความถี่สูง อย่าผ่านมือหรือส่วนใดของร่างกาย ลงไปยังบริเวณน้ำที่เครื่องดันน้ำพุ่งออกมา จะรู้สึกเจ็บปวดได้ และระวังอย่าให้น้ำแห้ง เพราะเครื่องจะใช้น้ำมาผลิตเป็นไอน้ำ ภาชนะที่ใส่ต้องกว้างและมีปริมาณน้ำมากพอ น้ำจึงถูกใช้เยอะและแห้งได้ หากน้ำแห้งเครื่องส่วนใหญ่มักออกแบบให้ตัดไฟเองได้ แต่หากน้ำแห้งเกินไปเครื่องจะร้อนและเสียได้