กุ้ลิ สวรรค์บนดิน เมืองในภาพวาด
ตอนที่ 3 ขึ้นเครื่อง

(1) (2) (3) (4) (5)

รออยู่หน้าทางด่านสุดท้ายอีกนาน บอร์ดแสดงว่าเครื่องล่าช้า เพื่อนๆ หลายคนเกือบตกเครื่อง เพราะคิดว่าเครื่องจะมาช้า แต่หลายคนมาก่อน โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่มาจากทางอินสาน (1) ช่างเครื่องจะช้าเถอะ มาก่อนได้เปรียบ กันไว้ก่อน หลายคน เริ่มคิดถึงบ้าน(2) โทรๆ กัน พี่คับๆ ยังไม่บินนะ เรารอกันหน้าประตู C1a ที่มี a แปลว่า ไม่ได้เข้างวงช้าง (3) แต่ต้องนั่งรถบัสสนามบินไปขึ้นเครื่องกลางสนามบิน บางคนก็กังวล(4) (รึเปล่า?) บางคนก็สดชื่น(5) อิอิ

(6) (7) (8) (9) (10) (11) (12) (13) (14)

ขึ้นเครื่องได้ก็สดใสถ้วนหน้า (6-8) ดูสิ คุณเส่ย ตากล้องของทริปเรา (9) เอากล้องมาโชว์ให้นางฟ้าดู ท่าทางเธอตกใจมาก ขนาดนี้เลยเหรอน้อง? (ว๊าว!) แล้วก็รีบไปนั่งรัดเข็มขัด (10) ทยอยกันเป็นสัมภาระ(11-12) นั่งได้ก็ยิ้มใหญ่ (13) อ้าว! ยิ้มใหญ่ไปรึคะ ขอยิ้มแก้ตัวใหม่อีกที (แชะ! 14) โอเคแล้วครับ สวยแล้ว

(15) (16) (17) (18) (19) (20)

จากสุวรรณภูมิ (15) ทะยานขึ้นฟ้า (ขออภัยช่วงขึ้น สวยมักๆ แต่เขาห้ามใช้เครื่องมืออิเลคทรอนิคส์ อาจรบกวนสัญญาณ) พอเครื่องสแตนบาย อยู่ระดับ 10 กิโลเมตร ก็ถ่ายรูปได้ ท้องฟ้าเหนือเมฆ สวยงามจริงๆ (16) เมฆชั้นบน ดูนุ่มนวลสวยงาม เหมือนคนรวยๆ ชีวิตช่างสุขสบาย (ก็ว่าไปนั่น) ตะวันลับฟ้าเหนือเมฆาน่าพิสมัย สีสันจัดจ้าน โดยไม่ต้องปรุงแต่ง (18-20)

 (20)  (22) (23) (24) (25)

สักครู่หลังเครื่องสแตนบายแล้ว เริ่มฟังเพลง มีภาพยนตร์ เรื่องยาวให้ชม (20) เสริฟหูฟัง ใครดูหนัง เลือกภาษาได้ ใครไม่ดูหนังก็เลือกฟังเพลงได้หลายช่อง จากนั้นมีเครื่องดื่มและของว่างเสริฟ เป็นพวกน้ำอัดลม น้ำผลไม้ และถั่วอบเนย  ใครจะรับไวน์ขาว ไวน์แดง ก็ได้ อีกราว 1 ชั่วโมงต่อมาก็เสริฟ อาหารเย็น เป็นบะหมี่เป็ด และข้าวหมูอบให้เลือก (22-23) ดูเอาเถิดท่านผู้ชม อร่อยจริงจริ๊งๆ อิอิ ใกล้ถึงละ มีการหยุดภาพยนตร์ แสดงแผนที่การเดินทางเป็นระยะๆ และกัปตัน ก็กระจายเสียงทักทาย ที่กรุงเทพฯ อุณหภูมิ ประมาณ 35 องศา แต่ที่กุ้ยหลิน มีเมฆ และฝนเล็กน้อย อุณหภูมิประมาณ 4 องศา ไม่ต้องสงสัยเลย บางคนเริ่มรื้อกระเป๋า เตรียมเสื้อกันหนาวและหมวก ชัวร์ๆ หนาวจัดแน่ๆ


<หน้าก่อน|หน้าแรก|หน้าต่อไป>
ต้องการข้ามไปหน้าอื่น คลิกเลือกหน้า ี่สารบัญ ซ้ายมือ