กุ้ลิ สวรรค์บนดิน เมืองในภาพวาด
ตอนที่ 9 ชมผ้าไหมจีน

ก่อนอาหารกลางวัน เรามาเยี่ยมชมร้านผ้าไหมจีน เราสงสัยเล็กๆ ว่าทำไมพามาชม ไม่เห็นจะเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเลย ไม่เห็นมีในรายการทัวร์ด้วย ได้ความว่าเป็นทริปบังคับว่าทุกทัวร์ ต้องพาลูกทัวร์มาเยี่ยมชม 5 เรื่อง คือ หยก  ยา ชา ไหม มุก โดยไกด์ท้องถิ่นจะเล่าความพิเศษตั้งแต่อยู่บนรถ หลายคนก็อยากซื้อ แล้วแนะนำว่า ของปลอมเยอะ จะพาไปของรัฐบาล ซึ่งเป็นของแท้รับประกันแน่นอน แต่ราคามาตรฐาน (แพงกว่านั่นแหละ) กลุ่มเราก็ไม่มีใครขัดข้องอะไร สินค้าเหล่านี้ คล้ายกับรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทได้รับสัมปทาน โดยรัฐบาลรับรองหรือแนะนำ เขาจะทำเป็นร้านที่มีการแสดงการสาธิตให้ผู้ชมมีส่วนร่วมเป็นลำดับ ร้านแรกเป็นร้านขายผ้าไหมจีน Di Bao (1-2) สินค้าที่แนะนำคือผ้าห่ม ปลอกผ้าไหมที่นุ่มนวล ทนการขีดข่วน และไส้ผ้านวมไหม ไร้ฝุ่น ไม่ทำให้เกิดภูมิแพ้ เบา อุ่นหน้าหนาว เย็นหน้าร้อน ราคาคิดเป็นกิโลกรัม เราชมนิทรรศการและการบรรยายผ้าไหมตั้งแต่ พระภูษาฮ่องเต้(3) ชุดเจ้าสาว (4) และชุดการประชุมระดับนานาชาติที่ตัดที่นี่ (5) รวมทั้งชุดสมัยต่างๆ (6 คุณหนุ่ย หัวหน้าไกด์ ให้เกียรติแสดงแบบ) ของใช้ประจำวัน อย่างที่นอน (7) รังไหมที่ใช้ทำไส้ผ้านวม แบบต่างๆ สีต่างๆ ของรังไหม (8-9) เปรียบเทียบรังไหมที่ใช้ทำผ้านวม(10) เป็นรังไหมคู่ เพื่อจะได้สานกัน ปั่นฝ้ายไม่ได้ แต่สานกันดี ทำให้นุ่มฟู กับรังไหมเดี่ยวขนาดเล็ก ใยไม่พันกัน ปั่นทอเป็นผ้าไหมได้ละเอียดนุ่ม การทำผ้านวม จะใช้ไหมรังคู่ (11) ต้มไหมให้ฟู ผ่าเอาตัวไหมออก นำมาคลี่ในน้ำ และสวมลงในก้านรูปตัวยูคว่ำ (12) นำมาผึ่งให้แห้งด้วยลม จะได้ใยนุ่มฟู (13) เป็นที่มาของขนมใยไหม (น่ากิ้นน่ากิน) แล้วดึง 4 ด้านลงบนโต๊ะเท่าขนาดที่ต้องการ(14-15) เราก็ลองดึงดู บางบ้างหนาบ้างไปตามระเบียบเพราะเราไม่รู้วิธีดึง พี่เซี่ยวเหมยทำหน้างงไปเลย ทำไมมากองอยู่ตรงหน้าเดี้ยนล่ะคะ (16-18)

(1) (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) (9) (10) (11) (12) (13) (14) (15) (16) (17) (18)

เมื่อดูความยากแล้วก็มาอธิบายการใช้ ราคา (19-20) และต่อรองกับแม่ค้าหน้าหวาน(21) พี่สมชายคงต้องซื้อละกระมังพี่ (22) ปรากฏว่าพี่สมชาย เป็นลมไปเลย ต้องรีบออกมาสูดลมหายใจข้างนอก(23) บอกว่า หายใจไม่ออก คาดว่าจะเป็นภูมิแพ้ฝุ่น เพราะได้กลิ่นสารเคมีหายใจไม่ออก (จริงเหรอพี่) พวกเราหลังจากดูราคา เพื่อนๆ หลายคนซื้อหา ว่าไปก็ราคาไม่แพงนัก เพียงสองพันกว่าบาท นับว่าคุ้ม ดีกว่าซื้อผ้าห่มทั่วไปมาก เขาแพ็คให้ พร้อมโหลดเครื่องบินได้ทันที ข้างในยังมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เลือกซื้อ แต่ราคาค่อนข้างสูง เช่น กี่เพ้า(ชุดแบบจีน)  เน็คไท เสื้อผ้า ผ้าพันคอ กระโปรง

 (19) (20) (21) (22) (23)

ผมออกมาดูข้างนอก ด้วยความรู้สึกเบื่อแล้ว ใช้เวลาเยอะไป หิวข้าวแล้วด้วย รอบๆ เย็นดี (หนาวนั่นแหละครับ) ข้างๆ เป็นภูเขา(24) เพราะร้านไม่ได้อยู่กลางใจเมือง มีโอกาสได้ถ่ายรูปต้นกุ้ย ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า กุ้ยหลิน ชื่อเมืองนี้ (เขตปกครองพิเศษ หรือ มณฑลเดิม) กุ้ย คือต้น หอมหมื่นลี้ และหลิน คือป่า (ภาษาแต้จิ๋วคือ ลิ้ม ซึ่งเป็นแซ่ของหลายท่านในประเทศไทย) หลายคนเข้าใจว่าเป็นต้น ขี้เหล็ก แต่คุณหมา ไกด์เมืองกุ้ยหลินยืนยันว่าคนละพันธุ์กัน เป็นพันธุ์ที่คนไทยเรียกว่าหอมหมื่นลี้ จะเห็นว่า มาดูใกล้ๆ (25-27) จะเห็นว่า ไม่เหมือนขี้เหล็กบ้านเราจริงๆ ใบแข็งๆ คงทนหนาวได้ดี และอีกฟากของลานจอดรถ เป็นผนังน้ำพุ (28) ที่ไม่เปิด คงต้องการประหยัดพลังงาน

(24) (25) (26) (27) (28)

ส่วนสองรูปนี้ พี่อุทัยถ่ายมา ในนี้กระมัง ผมไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของร้าน สงสัยต้องถามคนที่อยู่ในรูปแล้วล่ะ

(29) (30)


<หน้าก่อน|หน้าแรก|หน้าต่อไป>
ต้องการข้ามไปหน้าอื่น คลิกเลือกหน้า ี่สารบัญ ซ้ายมือ