ดินฟ้าอากาศ
- เริ่มปีใหม่ของไทยเป็นช่วงที่โลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด
อากาศร้อนจัด ความร้อนทำให้เบื่ออาหาร หงุดหงิด อาจเป็นหวัดร้อน เจ็บคอ
คอแห้ง เพราะธาตุไฟกำเริบไม่สมดุล โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาว
ควรเลือกรับประทานผักที่มีฤทธิ์เย็น เพื่อช่วยลดความร้อน
คุณค่าต่อสุขภาพ
ตำลึงมีวิตามินเอสูง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก มาก
แพทย์แผนไทยจัดเป็นผักฤทธิ์เย็น ดับพิษร้อน
เกร็ดที่น่าสนใจ
-
ตำลึงเป็นผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่มีหัวใต้ดิน มีคุณค่าทางอาหารสูง
- สกุลผักตำลึงเป็นไม้เถาล้มลุก ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious)
ใบเดี่ยว เรียงสลับ ดอกออกเดี่ยวหรือเป็นช่อกระจะ
กลีบดอกและกลีบเลี้ยงมีจำนวนอย่างละ 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 3 อัน
ติดบนฐานรองดอก อับเรณูหันออก มี 2 พู รังไข่ติดใต้วงกลีบ
ผลแบบมีเนื้อหนึ่งหรือหลายเมล็ด (berry)
สกุลผักตำลึงมีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วไปในเขตร้อน โดยเฉพาะในแอฟริกา
ทั่วโลกมีประมาณ 20 ชนิด ในไทยพบเพียงชนิดเดียวคือ ผักตำลึง Coccinia
grandis (L.) Voigt
- คนไทยใช้ยอดและใบตำลึงกินเป็นผักสด อาจนำไปต้มหรือลวกจิ้มกับน้ำพริก
ใช้ปรุงในแกงต่างๆ เช่น แกงจืด แกงเลียง ต้มเลือดหมู ก๋วยเตี๋ยวหมูตำลึง
นำไปผัดตำลึงไฟแดง หรือใส่ในไข่เจียว
ผลอ่อนของตำลึงกินกับน้ำพริกคล้ายแตงกวา หรือดองกินคล้ายแตงดองได้
เนื้อในผลสุกของตำลึงมีรสอมหวาน กินได้ อุดมด้วยสารกลุ่มแอนโทไซยานินที่ต้านอนุมูลอิสระและดูแลผนังหลอดเลือดให้อ่อนนิ่มใช้งานได้ยืนยาว
ใบตำลึงเป็นอาหารที่มีบีตาแคโรทีนสูงมาก
- องค์การอาหารและสิ่งแวดล้อมเพื่อชนกลุ่มน้อยระบุว่า
ตำลึงเป็นพืชที่มีบีตาแคโรทีนที่ดีที่สุดสำหรับชาวไทยภูเขา บีตาแคโรทีนเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ทำหน้าที่กรองแสงให้กับดวงตา
ป้องกันเลนส์ตาจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกออกซิไดซ์ด้วยแสง
ป้องกันการเกิดต้อ บีตาแคโรทีนเป็นสารที่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้
จัดเป็นสารกลุ่มคาโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด ดังนั้น
ที่กล่าวกันว่า "ตำลึงบำรุงสายตา" ก็เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง บีตาแคโรทีนเป็นสารต้านออกซิเดชันลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย
ยับยั้งการทำลายของออกซิเจนเดี่ยวและอนุมูลเปอรอกซิลอิสระ
เชื่อว่าเป็นสารต้านมะเร็ง โดยเสริมประสิทธิภาพของเซลล์นักฆ่า (natural
killer cell) ในการกำจัดเซลล์มะเร็ง
กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ซ่อมแซมสารพันธุกรรมได้
-
ใยอาหารจากตำลึงสามารถดูดจับสารพิษในระบบทางเดินอาหารได้ดีกว่าผักที่มีในท้องตลาดทั่วไป
พบว่าการกินตำลึงจะสามารถลดอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้
- ตำลึงเป็นยาเย็น ดับพิษร้อน
- แก้พิษคันจากใบไม้คันหรือหนอนคัน โดยนำใบตำลึงสดสัก ๔-๕ ใบ มาขยี้
เอาน้ำชโลมหรือทาบริเวณที่คัน
เป็นเริม งูสวัด ให้ใช้ใบตำลึงล้างน้ำต้มสุกให้สะอาด ตำให้ละเอียด
คั้นแล้วกรองเอาแต่น้ำผสมดินสอพอง สะตุ (เผาจนสุก)
ทาผิวบริเวณที่เป็นให้เปียกชื้นอยู่เสมอ อาการแสบร้อนจะทุเลาลง
ถ้าทาแล้วไม่รู้สึกเย็น ก็แปลว่ายาไม่ถูกโรคให้เลิกใช้
- ใบและน้ำคั้นใบมีเอนไซม์อะไมเลส
ช่วยย่อยอาหารจำพวกแป้งและกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้
- ยอด เถา ใบ และราก ตำคั้นน้ำดื่มแก้หลอดลมอักเสบ
- ลิ้นเจ็บ ลิ้นเป็นแผล ให้เคี้ยวผลตำลึงอ่อน
ผักที่มีสรรพคุณทดแทน
แตงกวา ฟักเขียว น้ำเต้า มะระ ผักบุ้ง