ศรีลังกา อารยธรรมแห่งชมพูทวีป
ตอน
2 เดินชมโคลัมโบ

หลังจากงีบไปสักชั่วโมงหนึ่ง แรงก็มาแล้ว วันนี้อากาศดี ขามาจากสนามบิน ดอกเตอร์จากสิงคโปร์ถามถึงการทัวร์เมือง เจ้าหน้าที่ไปรับแนะนำแท็กซี่ จ่ายตามมิเตอร์ ดูสะดวกแต่คงแพงมาก เธอเลยขอให้คนขับรถ พาทัวร์ด้วยวิธีเหมาจ่าย ดูน่าไว้ใจดีเธอบอก แต่เธอไม่ได้ชวน และผมรู้สึกอยากนอน เลยไม่ได้ขอไปด้วย พอได้งีบ ก็นึกขึ้นได้ว่า ฟ้าสว่างสดใส น่าเที่ยว เนื่องจากมีไวไฟฟรีของโรงแรม ผมจึงไม่ต้องหาซิมโทรศัพท์ เพื่อนๆ สามารถหาซิมชั่วคราว ได้จากหน้าบริเวณผู้โดยสารขาเข้า ก่อนออกท่าอากาศยาน มีหลายร้าน ในราคาเริ่มต้นเพียง 3 USD (ประมาณ 100 บาท) โทร.ฟรี ในประเทศ และเน็ตฟรี ส่วนรายละเอียด กี่วัน กี่ชั่วโมง แล้วแต่ผู้ให้บริการ โรงแรมส่วนมากมีไวไฟฟรี ในสนามบินก็ไวไฟฟรี หากไม่ต้องติดต่ออะไรก็ไม่ต้องซื้อ ผมใช้ไวไฟฟรีจากโรงแรมดูแผนที่ แล้ววาดไว้ว่าจะไปตามเส้นเหลืองๆ นี้ (1) ดูชายหาด แล้วกลับ

(1) (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) (9) (10) (11) (12)

เดินดูบ้านเมืองกันครับ จากโรงแรมฮิวตั้น เลี้ยวซ้ายไปแยกแรกที่ไปถึงเป็น โบสถ์แห่งพระบุตรเยซู (Infant Jesus Shrine ถนน Justice Akbar Mawatha) โบสถ์คริสต์ที่โดดเด่นกลางสี่แยก (2-3) สวยมากครับ ที่นี่มีคริสต์นิกชนไม่มาก แต่ก็เจอโบสถ์หลายแห่งกลางเมือง ตรงนี้ถ้าหันกลับมาทางโรงแรม (4) จะเห็นอาคาร ธนาคารพาณิชย์ (Commercial Bank) ซ้ายมือภาพ และโรงแรมฮิวตั้นที่ผมพักอยู่ทางขวามือของภาพ เดินต่อมาทางชายทะเล จะเห็นบ้านเรืองที่ดูย้อนยุค (5) และสถาปัตยกรรมสมัยอาณานิคม (6) ที่ทรุดโทรมบ้างแล้วหลายคูหา แต่ยังมีผู้อยู่อาศัย ถัดมาเป็นชานชลาสถานีรถไฟ Kompannavidiya (7) ซึ่งดูแถวนี้คงจะรุ่งเรืองในอดีต เมื่อถนนเข้ามา ความนิยมรถไฟลดลงไปบ้างแต่ยังเป็นทางหลักของหลายคน ถัดจากที่นี่ในซอยเห็นมีวัดแขกแต่ไม่กล้าเข้าไป ดูพวกวัยรุ่นกำลังโวยวายกัน ไม่รู้ว่าสนุกปกติหรือทะเลาะกันอยู่ดูไม่ออก ส่วนตรงนี้เรียก วัดน้อย (Small Temple)(8) พบหลายแห่งทัวไปในโคลัมโบ โดยเฉพาะจุดที่มีต้นโพธิ์ขึ้น ต้นโพธิ์เป็นที่เคารพของชาวพุทธศรีลังกา นิยมสร้างพระพุทธรูปไว้ข้างๆ พร้อมเป็นอาคารครอบไว้ บางที่ ไม่มีแม้แต่ชื่อพระหรือวัด เดินมาอีกนิดมีสะพานข้ามบึง (9) ที่ถ่ายรูปเพราะสนใจ การจัดการชายฝั่งบึง ล้อมตะแกรง กรุหินใหญ่ๆ เป็นระเบียบ ทำให้สัตว์น้ำ ยังอาศัยได้ และน้ำยังซึมเข้าออกไปได้ แต่ตลิ่งไม่พัง ดีกว่าแบบคอนกรีตทึบนะผมว่า เจอนักสิ่งแวดล้อมจะหาอย่างนี้แหละ แล้วก็เจอโบสถ์คริสต์อีก โบสถ์นี้ชื่อว่า Christ Church Galle Face โบสถ์ที่เห็นนี้เป็นอาคารใหม่ อาคารเดิมสร้างตั้งแต่ปี 1853 นับเป็นสถานที่เก่าแก่อีกแห่ง มองไปเห็นโรงแรม ริมทะเล (11-12) คือโรงแรมรามาด้า และอาคารศาลตามชื่อถนน

(13)  (14) (15) (16) (17)

วิวมุมกว้างของชายทะเลถ่ายแบบพาโนรามา (13) เมื่อเดินเข้ามาจะได้นึกออกว่ามันกว้างมาก เห็นแขกเป่าปี่เรียกงูมาเต้น พอผมไม่สนใจเธอก็หยุดและเดินหนีไป ที่นี่เรียกชายหาด Galle Face ชายหาดกลางเมืองหลวง ดูกิจกรรมคล้ายสนามหลวงบ้านเรา มีชาวบ้านมาเดินเล่น วิ่งเล่น เล่นว่าว และชอปปิ้ง (14-16) ห่างออกไปจะเห็นอาคารแฝด โรงแรมที่กำลังสร้างใหม่ยังไม่เสร็จ คงต้อนรับท่าเรือแห่งใหม่ (17) ที่กำลังก่อสร้างเช่นกัน  

(18) (19) (20) (21) (22) (23) (24)

ทะเลที่นี่ (18-19) คลื่นแรง ลมแรง และเป็นหินเยอะ ไม่เห็นมีใครเล่นน้ำ อาจลมแรง หรือห้ามลง หรืออย่างไรไม่ทราบ หลายคนนั่งมองทะเลเงียบๆ บ้างก็หาของมากินเล่น หรือมีหูฟังดูผ่อนคลาย โรงแรมอินเดีย (20) ชื่อ ทัช (TAJ) โดดเด่นที่ริมถนนติดชายหาด เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอินเดีย และพวกที่มีครอบครัว มีเด็ก หากคุณชอบตุ๊กๆ ก็ลองดู (21) คล้ายตุ๊กๆ เรามาก เยอะมาดด้วย คงสนุกดี แต่ยังไม่ลองครับ ตุ๊กๆ ที่นี่เรียกสามล้อ มักโฉบมาเชิญชวนให้ใช้บริการ เดินจนเหนื่อยแล้วนะครับ กลับทางเดิม และถ่ายรูป อาคารแถวนี้ มีอาคารสูงเหมือนกัน แต่ไม่ติดกันมาก (22) โรงแรม Galle Face (23) สวยดูย้อนยุคด้วย อาคารศาล (24) คิดว่าคงได้อิทธิพลจากยุคอาณานิคม

(25) (26) (27) (28)

เอาของพวกกล้องถ่ายรูปไปเก็บที่ห้อง ลงมาทานข้าว มีการนัดอาหารเย็นตอน 6 โมงเย็น แต่หาห้องไม่เจอ และฟร้อนท์เดส ก็ยืนยันว่าไม่มีเลี้ยง เดินดูทางร้านอาหารไปเจอคนที่มารับผมจากสนามบิน ก็สวัสดีแล้วเดินหนีไปเลย อ้าว! งงครับ แต่ผมไม่ซีเรียสมาก ตลกมากกว่าอะไรกัน แต่ไม่รู้จะถามใครแล้ว เลยเดินออกไป ฟากขวาของโรงแรม ดูแผนที่จะมีห้างสรรพสินค้าอยู่ แต่ไปไม่รอด ฝนตกครับ เลยแวะ เคเอฟซี (รอดตายละ) และซื้อมาทานที่ห้องจะได้ดูทีวีไปด้วย สบายๆ ซื้อแบบชุดไก่ทอดเฟร้นฟราย และโค๊ก ราคาพอๆ กับบ้านเรา หรือแพงกว่านิดหน่อย ไม่ทานที่ร้านอาจเพราะผมว่ากลิ่นผู้คนทีผมไม่ชิน ไปทานที่ห้องดีกว่า มาถึงห้องก็ลองทานดู รสชาติตอนแรก ไก่ทอดรสเหมือนบ้านเรามาก พอกัด เข้าไป แต่แปลกมาก ฟากหนึ่งจืด ฟากหนึ่งเค็มปี๋ และโค๊ก ก็ไม่ใส่น้ำแข็ง เขาคงไม่ทานน้ำแข็งกันมั้ง นั่งหัวเราะคนเดียว แต่ก็ อร่อยดี วันนี้มี ซุปเปอร์มูน นี่เป็นวิวที่มองจากระเบียงห้องครับ (25-27) ฝนซาแล้ว ตกเบาๆ หยิมๆ ทำให้ฟ้าปิด อดมองจันทร์เลย หลังจากนั่งแชท เช็คเฟส อาบน้ำ เสร็จถึงมองเห็นมัวๆ กลางฟ้า (28) ส่งเพื่อนๆ ด้วยพระจันทร์ที่โคลัมโบครับ มัวๆ พรุ่งนี้เจอกันครับ

<กลับตอนแรก | ศรีลังกา | ตอนต่อไป>

| Trironk.net |ท่องโลก | ศรีลังกา |