อันตรายจากภัยเงียบ กับเพื่อนซี้ 4 ขา
ปัญหาช่องปากเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากในสุนัขที่มีอายุตั้งแต่ 2-3 ปีขึ้นไป เชื่อว่าน้องหมาของเพื่อน ๆ ชาวด็อกไอไลค์ ก็อาจกำลังประสบกับปัญหานี้อยู่เหมือนกัน แต่ที่สำคัญก็คือ นอกจากจะส่งผลโดยตรงกับช่องปากน้องหมาแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นตับ ไต ปอด หลอดเลือด และหัวใจ โดยเฉพาะในส่วนของลิ้นหัวใจ
ซึ่งสาเหตุก็มาจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในคราบจุลินทรีย์ (bacterial plaque) ที่มักเกาะอยู่ตามบริเวณผิวฟันหรือซอกฟันของน้องหมานั้นเอง เจ้าเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้สามารถแพร่กระจายจากช่องปากผ่านทางกระแสเลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ อย่าง โรคลิ้นหัวใจอักเสบในสุนัข (Valvular endocarditis)สุนัขมีปัญหาในช่องปากจะเสี่ยงป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจอักเสบมากขึ้น
แม้โรคลิ้นหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial endocarditis) จะพบได้ไม่บ่อยนักในสุนัข แต่พบว่าเมื่อสุนัขมีปัญหาโรคในช่องปากแล้ว สุนัขจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคลิ้นหัวใจอักเสบมากขึ้น เช่นเดียวกับการศึกษาในคนก็พบว่า โรคในช่องปากมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคลิ้นหัวใจอักเสบเช่นกัน
ตามปกติแล้วสภาพพื้นผิวของหลอดเลือดและหัวใจ จะมีความทนทานต่อการยึดเกาะของเชื้อแบคทีเรียพอสมควร แต่เมื่อเกิดความเสียหายหรือโครงสร้างบางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงไป เช่น เมื่อเกิดความเสื่อมของลิ้นหัวใจแล้ว ทำให้พื้นผิวของลิ้นหัวใจเกิดความเปลี่ยนแปลงไป เชื้อแบคทีเรียจึงสามารถเข้ามายึดเกาะ เจริญเติบโต และเพิ่มจำนวน จนก่อให้เกิดปัญหาโรคลิ้นหัวใจอักเสบตามมาได้ ยิ่งในรายที่มีปัญหาโรคปริทันต์ (periodontal disease) มีคราบจุลินทรีย์ และมีปัญหาหินปูนร่วมด้วยแล้ว ยิ่งเป็นแหล่งต้นตอทำให้เชื้อแบคทีเรียสามารถปนเปื้อนเข้าสู่กระแสเลือดได้อยู่ตลอดเวลา
สุนัขที่เป็นโรคลิ้นหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มักจะแสดงอาการไม่จำเพาะ ส่วนมากจะมีอาการซึม อ่อนแรง เบื่ออาหาร มีไข้ ได้ยินเสียงหัวใจรั่ว (murmur heart sound) ในตำแหน่งที่ลิ้นหัวใจทำงานผิดปกติ รวมถึงอาจมีเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือดสูงขึ้นได้ ส่วนใหญ่มักจะทราบหลังจากสุนัขป่วยได้เสียชีวิตไปแล้ว จากการผ่าพิสูจน์ซาก ร่วมกับการตรวจทางจุลพยาธิวิทยาของลิ้นหัวใจ และการเพาะเชื้อจากหัวใจจากห้องปฏิบัติการ ยิ่งในรายที่มีปัญหาในช่องปากด้วยแล้ว มักจะพบว่าเป็นเชื้อชนิดเดียวกับเชื้อในช่องปากของน้องหมานั่นเอง
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการปล่อยปะละเลย ไม่สนใจดูแลสุขภาพช่องปากให้กับน้องหมา ใช่เพียงจะก่อให้เกิดปัญหาช่องปากเท่านั้น ยังอาจส่งผลให้เกิดโรคลิ้นหัวใจอักเสบได้ด้วย ซึ่งเมื่อเป็นแล้วการพยากรณ์ก็จะไม่ดีนัก น้องหมาส่วนใหญ่จะมีอาการป่วยรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
เพื่อเป็นการป้องกันโรคลิ้นหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ จะสามารถช่วยลดปริมาณการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากลงมาได้ วิธีง่าย ๆ ที่เจ้าของทุกคนสามารถทำได้ด้วยตนเอง คือ การแปรงฟันให้น้องหมาอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ร่วมกับการล้างปากด้วยน้ำยาล้างปากสำหรับสัตว์ ที่มีส่วนผสมของ 0.12% chlorhexidine วันละ 2 ครั้ง จะ
สามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ระดับหนึ่ง
นอกจากการแปรงฟันและล้างปากแล้ว การพาน้องหมาเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันอย่างละเอียดทุก ๆ 6-12 เดือน
เพื่อตรวจหาความผิดปกติตั้งแต่แรกเริ่ม ยังเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้โรคในช่องปากพัฒนารุนแรงจนถึงขั้นยาก
เกินการรักษาได้ เจ้าของเองก็สามารถตรวจสุขภาพช่องปากน้องหมาเบื้องต้นด้วยตนเองได้เช่นกัน โดยหากพบว่า
น้องหมามีอาการฟันโยก ฟันแตก ฟันเปลี่ยนสี มีหินปูนเกาะ มีกลิ่นปาก น้ำลายไหลมาก เหงือกบวมอักเสบ มีก้อน
เนื้อในช่องปาก ไม่กินอาหาร หรือกินอาหารลำบาก เราสามารถพาไปพบคุณหมอได้เลยทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้
ซึ่งคุณหมออาจแนะนำให้ทำการขูดหินปูน รักษารากฟัน หรือถอนฟันให้น้องหมาหากจำเป็น
เพียงเท่านี้ เพื่อน ซี้ 4 ขา ของคุณ ก็จะกับมาปากหอม สดชื่นเหมือนเดิม แล้วค่ะ