เชอร์รี่ อาย (Cherry eye) โรคตาสุดฮิตในน้องหมา
หนังตาที่สามคืออะไร
หนังตาที่สาม (third eyelid) หรือ Nictitating membrane เป็นชั้นเนื้อเยื่อแผ่นบาง
ๆ ที่อยู่ระหว่างชั้นเปลือกตากับกระจกตา มีกระดูกอ่อนรูปตัวที (T)
เป็นโครงสร้างอยู่ข้างใน ในคนเราจะเรียกว่า plica semilunaris
ซ่อนตัวอยู่บริเวณหัวตา น้องหมาก็เช่นกันครับ เวลาน้องหมาลืมตาเราจะสังเกตไม่เห็น
เพราะหนังตาที่สามนี้จะหดตัวแอบอยู่บริเวณหัวตา
แต่ถ้าเราลองใช้นิ้วกดบริเวณปลายหางตาเบา ๆ
เราก็จะเห็นเนื้อเยื่อสีขาวอมชมพูโผล่ตัวออกมาจากหัวตาข้างที่เรากดมาปกคลุมดวงตาไว้
นั่นแหระครับ...หนังตาที่สาม
หนังตาที่สามมีหน้าที่ในการปกป้องดวงตา (กระจกตา)
และยังมีหน้าที่ช่วยต่อมสร้างน้ำตา (Lacrimal gland) สร้างน้ำตาประมาณราว 40%
ของน้ำตาทั้งหมดอีกด้วย
นับว่าหนังตาที่สามมีความสำคัญต่อดวงตาของน้องหมามากเลยทีเดียว
ภายในหนังตาที่สามจะมีเนื้อเยื่อน้ำเหลือง (lymphoid tissue) และต่อมน้ำตาอยู่ด้วย
เรียกว่า ต่อมของหนังตาที่สาม (Gland of the third eyelid)
แต่บางครั้งเจ้าต่อมที่ว่านี้ อาจเกิดการขยายใหญ่และยื่นโผล่ออกมาจากบริเวณหัวตา
จึงเป็นที่มาของ “โรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye)” ที่
มุมหมอหมาจะกล่าวถึงในวันนี้ครับ
รู้จักกับโรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye)
โรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye)
หรือ Prolapsed nictitating membrane gland (PNMG)
เกิดจากต่อมของหนังตาที่สามยื่นโพล่ออกมาผิดปกติ สาเหตุแท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด
แต่คาดว่าเกิดจากการหย่อนตัวของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ทำหน้าที่ยึดต่อมของหนังตาที่สามเอาไว้ไม่แข็งแรงพอ
และ/หรือ
อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโตขึ้นของเนื้อเยื่อน้ำเหลืองบริเวณหนังตาที่สามที่เกิดการอักเสบ
หลังจากสัมผัสเชื้อโรค สิ่งสกปรก หรือสารก่อภูมิแพ้
จึงทำให้ตัวต่อมดังกล่าวขยายตัวและบวมนูนมากยิ่งขึ้น ซึ่งน้องหมาที่เป็นโรคนี้
เจ้าของจะสังเกตพบว่า มีก้อนเนื้อแดง ๆ อมชมพู ผิวเรียบ
ปูดออกมาบริเวณหัวตาของน้องหมาคล้ายกับผลเชอร์รี่ ช่วงแรก ๆ บางรายเป็น ๆ หาย ๆ ยุบ
ๆ โผล่ ๆ แต่บางรายก็ปูดออกมาอย่างถาวร หากก้อนใหญ่มาก ๆ ก็อาจไปบดบังการมองเห็นได้
น้องหมาส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการเจ็บปวด
แต่อาจก่อให้เกิดความรำคาญจากการระคายเคืองได้ ทำให้น้องหมาตาแฉะอยู่บ่อย ๆ
และบางทีน้องหมาอาจเอาเท้ามาเกาตา หรือเอาหน้าไปถูกับพื้น
จึงทำให้กระจกตาเกิดเป็นแผลหรือกระจกตาขุ่นได้ และอาจมีเยื่อบุตาอักเสบร่วมด้วย
น้องหมาพันธุ์ไหนเสี่ยงบ้าง
ความจริงแล้วโรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye)
นี้เกิดได้กับน้องหมาทุกช่วงอายุและทุกพันธุ์เลยครับ
แต่พันธุ์ที่มีรายงานว่าพบได้บ่อยกว่าพันธุ์อื่น ๆ ก็ได้แก่ Lhasa apsos, Shih Tzus,
bulldogs, mastiffs, beagles, sharpeis, Pekingese, cocker spaniels, Newfoundlands,
Bloodhounds, Boston terriers, Miniature Poodles, Neapolitan Mastiffs และ
St.Bernards.
ซึ่งมักพบบ่อย ๆ ในหมาเด็กช่วงอายุไม่เกิน 2 ปี
โดยอาจจะเป็นเพียงข้างเดียวหรือเป็นทั้งสองข้างพร้อมกันก็ได้ครับ
โรคนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แนะนำว่าเจ้าของที่มีน้องหมาที่เป็นโรคนี้แล้ว
ให้ระวังการใช้เป็นพ่อและแม่พันธุ์ เพราะอาจถ่ายทอดความผิดปกติสู่ลูกได้ครับ
การรักษาโรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye) แบบไหนดี
การรักษาโรคเชอร์รี่ อาย (Cherry
eye) ที่ดีจะต้องได้รับการผ่าตัดรักษา เนื่องจากการักษาทางยาเพียงอย่างเดียว
จะให้ผลเพียงแค่บรรเทาอาการเท่านั้น
ไม่สามารถทำให้ต่อมของหนังตาที่สามที่ยื่นออกมานี้ หดกลับเข้าที่ไปได้อย่างถาวร
ส่วนใหญ่คุณหมอจะเลือกวิธีการรักษาทางยา
ในรายที่มีการติดเชื้อหรือมีการอักเสบรุนแรง ก่อนที่จะทำการผ่าตัดให้
ซึ่งการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดนั้น ก็มีด้วยกัน 2 วิธี คือ
การตัดหนังตาที่สามออกไปเลย กับ การเย็บดันต่อมของหนังตาที่สามกลับเข้าที่เดิม
(Modified Morgan pocket technique) วิธีการแรกมีข้อดี คือ
เป็นวิธีผ่าตัดที่ทำง่ายและน้องหมาหายขาดจากโรคนี้ได้อย่างถาวร ไม่กลับมาเป็นอีก
แต่ข้อเสียนั้นมีมาก เพราะเมื่อตัดหนังตาที่สามออกไปแล้ว
ต่อมของหนังตาที่สามที่ทำหน้าที่ช่วยสร้างน้ำตาประมาณ 40% ของน้ำตาทั้งหมดนั้น
จะถูกตัดออกไปด้วย ผลคือ จะทำให้น้องหมาเกิดภาวะตาแห้งตามมาได้
เจ้าของจะต้องหยอดน้ำตาเทียมให้น้องหมา หากมีการสร้างน้ำตาไม่เพียงพอ
อีกทั้งการขาดหนังตาที่สามไป ยังทำให้กระจกตาขาดชั้นที่จะช่วยปกป้อง
ทำให้มีโอกาสสัมผัสเชื้อโรค หรือได้รับบาดเจ็บได้ง่ายขึ้น
ส่วนวิธีที่สองหรือการเย็บดันต่อมของหนังตาที่สามกลับเข้าที่เดิมนั้น
เป็นวิธีการผ่าตัดที่ยุ่งยากกว่าวิธีแรก และพบว่าประมาณ 10-20%
สามารถกลับมาเป็นโรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye) ได้อีก (Recurrence is possible)
ซึ่งในน้องหมาบางพันธุ์อย่าง bulldogs และ mastiffs
จะพบการกลับมาเป็นอีกสูงกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ
แต่วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่คุณหมอส่วนใหญ่มักเลือกใช้ทำการรักษาในปัจจุบัน
เนื่องจากเป็นวิธีที่ยังสามารถรักษาต่อมของหนังตาที่สามเอาไว้อยู่
ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อการสร้างน้ำตาของน้องหมาในระยะยาวครับ
หลังการผ่าตัดคุณหมออาจอนุญาตให้เจ้าของพาน้องหมากลับมาดูแลต่อที่บ้านได้
แต่น้องหมาจะต้องได้รับยาฆ่าเชื้อและยาแก้อักเสบต่อ
และเจ้าของจะต้องสวมปลอกคอกันเลียให้น้องหมาไว้ตลอดเวลาด้วย
เพื่อป้องกันไม่ให้น้องหมาเกาตาครับ
โรคเชอร์รี่ อาย (Cherry eye) จัดเป็นอีกหนึ่งโรคตาที่พบได้ค่อนข้างบ่อย
โดยเฉพาะในน้องหมาเด็ก เจ้าของที่พบเห็นส่วนใหญ่มักตกใจ
และเข้าใจไปว่าน้องหมาเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งที่ตา
แต่ความจริงแล้วเกิดจากต่อมของหนังตาที่สามยื่นโพล่ออกมาผิดปกตินั่นเอง
ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต
เพียงแต่มีผลต่อความสวยงามและอาจก่อให้เกิดความรำคาญจากการระคายเคืองได้
อย่างไรก็ดี...หากพบว่าน้องหมาเป็นโรคนี้แล้ว
เจ้าของก็ควรจะต้องพาน้องหมาไปรักษาอย่าปล่อยทิ้งไว้นานนะครับ