กุ้ลิ สวรรค์บนดิน เมืองในภาพวาด
ตอนที่ 14 เจดีย์เงินเจดีย์ทอง

ตามประสาคนน้ำ สิ่งที่เราไม่เห็น เนื่องจากไม่อยู่ในความสนใจ พี่อุทัยก็พบกับสิ่งที่แสนรัก คือท่อน้ำครับท่านผู้อ่าน คือท่อน้ำสำหรับดับเพลิง (1) พี่อุยินดีนั่งถ่ายรูปคู่กับท่อน้ำให้พวกเราดูว่า ที่นี่มีท่อประปาเพื่อดับเพลิงคล้ายบ้านเรา (หลังจากนี้ ผมก็ไม่เคยเห็นอีก มันมีอีกใช่ไหมพี่) ทางเดินที่ต้องข้าม(2) ไกด์บอกว่า (ขออภัยที่อ้างไกด์บ่อยๆ ผมชอบวิ่งตามติดไกด์ เพราะกลัวหลง เหอๆ) เวลาข้ามถนน ให้มองขวา วิ่งข้าม หยุดกลางถนน แล้วมองซ้าย ค่อยวิ่งข้าม อย่าทำเหมือนอยู่ประเทศไทย(มองซ้ายแล้วมองขวา)  เรานึกตลกในใจว่ามันต่างกันตรงไหน ที่นี่รถใช้พวงมาลัย ซ้าย ไม่ใช่ขวาเหมือนเรา เวลามองรถเรางง มันข้ามไม่ได้จริงๆ ดังนั้นแม้ไม่เข้าใจ ให้เชื่อไกด์ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ค่อยหาเหตุผลอีกที น้องทราย ไกด์กลุ่ม 2 (Bus 2nd) รอเราอยู่ เนื่องจากเราถ่ายรูปนานไปหน่อยเล่าให้ฟังว่า รถที่นี่ทำตัวใหญ่คับถนน จะไม่เคยจอดหรือชะลอเมื่อเห็นคนข้ามถนน (น่ากลัวมาก)

 (1) (2)

เดินฝ่าความหนาวมาสักพักก็ถึงทะเลสาบ หลงซานหู เราถ่ายรูปกับเจดีย์เงิน เจดีย์ทอง (3-4) ที่อยู่ฟากตรงข้าม สร้างมานับร้อยปีแล้ว เป็นเจดีย์ไม้ (นึกถึงยาหอมตราเจดีย์คู่ มาจากตรงนี้รึเปล่า) เราไม่ได้ไปที่เจดีย์ เพราะที่นี่ มีเงาเจดีย์ นับว่าเป็นวิวสวย เหมาะกับการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพื่อความเป็นศิริมงคล เข้าใจว่าเป็นเจดีย์ของวัดพุทธ ซึ่งปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่ไม่มี่ศาสนาประจำชาติ ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลยหลังจากมีการปกครองลัทธิคอมมิวนิสต์ เราจึงไม่ได้ไหว้พระเลยเวลามาจีน คงเพราะไกด์ไม่มีข้อมูลเรื่องวัด และไม่มีความเชื่ออะไรเรื่องศาสนา บอกได้ตาเพียงว่า คนจีน อะไรที่เป็นเงินเป็นทอง ก็เป็นเรื่องศิริมงคล (คิดแบบนักธุรกิจไปหน่อยรึเปล่า?) เราผลัดกันถ่ายตามมุมที่เขาจัดสรรไว้แล้ว (5-8) เนื่องจากมีกล้องเยอะ การแอบถ่ายคนจึงเป็นเรื่องน่าสนใจ(11-14) แล้วจึงเห็นพวกนายแบบ นางแบบโพสตท่าถ่ายรูปอยู่ (14) เลยอาสาไปถ่ายให้ (เข้าไปเสือกน่านแหละ อิอิ) ได้ภาพที่น่าประทับใจ นี่ๆ มืออาชีพ เวลาถ่ายรูป ต้องทำท่าอย่างนี้ เป็นเพราะคุณไกด์หนุ่ยหล่อ กับอาจารย์ๆ สวย รึเปล่า (15-17) หลายคนเลยสนใจจะลองเก๊กหล่อดู จริงเหรอ เอามั่งๆ (18-19) ใช้ได้ไหม? โอเคเลยพี่ พอได้ๆ

(3) (4) (5) (6)  (7) (8) (9) (10)  (11) (12) (13) (14) (15) (16) (17) (18) (19)

หิวแล้ว เราไปทานอาหารกันด้วยความเหน็บหนาว (20-21) ดูสิ ยังมีคนขึ้นชั้นสองของรถสองชั้นเปิดที่ชั้นบนโล่ง พวกเธอทนหนาวได้ดีจริง หิวข้าว ก่อนทาน พอมีสติถ่ายรูปคนน่ารักประจำรุ่นได้รูปนึง (พูดจริ๊ง) หลังจากนี้ขอทานข้าวก่อนนะครับ

(20) (21) (22)

เราต่อการแสดงที่ Dream Like Lijiang แปลเป็นไทยได้ว่า แม่น้ำหลีเจียงในความฝัน เป็นโรงละครของกุ้ยหลิน แสดงโดยรวมกายกรรมเข้ากับการแสดงวัฒนธรรมฟ้อนรำ และการเต้นบัลลเล่ย์ ใช้ระบบคอมพิวเตอร์จัดแสงสีและคิวขั้นตอนการแสดง ได้อย่างลงตัวสวยงามกว่า 1 ชั่วโมง เกี่ยวกับแม่น้ำหลีเจียงที่งามราวภาพแห่งความฝัน  มีช่วงคอมพิวเตอร์ขัดข้อง ไม่ดึงเชือกผ้าขึ้นไปทำท่าเหาะเหินข้างบนนักแสดงต้องหยุด และข้ามฉากไป ใช้คนบังคับแทนไม่ได้ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเพราะเป็นชุดเหินหาวที่น่าชมมาก เสียดายที่ห้ามถ่ายรูปและวิดิโอ คงกลัวแสงแฟลชเข้าตาและเกิดอันตรายได้เนื่องจากแต่ละชุดใช้สมาธิสูงและเสี่ยงอันตราย แต่ไม่น่าจะเพราะกลัวเลียนแบบ คงไม่มีใครทำตามได้ ช่างสวยงามสุดยอดจริงๆ  ว่ากันว่าต้องหัดมาตั้งแต่เด็ก นักแสดงส่วนใหญ่ อายุประมาณ 18 ปี ส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้ จึงดูสดชื่นแจ่มใสในตามวัยที่น่ารักมาก แล้วนักแสดงก็มายืนให้ถ่ายรูปฟรี (23-34) โดยไม่ต้องให้ทิป ส่วนมากคนมาดูเป็นนักท่องเที่ยว การแสดงนี้นับว่าแพง เพราะค่าบัตรสูงถึง 900 บาท

(23) (24) (25) (26) (27) (28) (29) (30) (31) (32) (33) (34)

กลับถึงโรงแรมราว 3 ทุ่มกว่า ชวนเพื่อนๆ หลายคนมาเดินเล่น และถ่ายรูปกลางคืน (35-39) ได้บรรยากาศเหมือนหนังจีนดีที่มีตัวหนังสือจีนโตๆ อยู่สองข้างถนน ถึงที่นี่จะใช้ไฟฟ้ามากมาย แต่หลายอาคารใช้ไฟโซล่าเซล จึงไม่ต้องเสียค่าไฟ และหลอดไฟที่เห็นสองข้างทาง ล้วนเป็นหลอดประหยัดพลังงาน เช่นหลอดตะเกียบ) และเราทั้งกลุ่มก็ถูกประกบทันทีที่ออกจากโรงแรมจากมาม่าซัง ที่ทั้งชวน ทั้งอ้อนวอน กอดเอวกอดแขน หลายคนบอกหนาวขนาดนี้ ตอนนี้ติดลบแล้ว ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น (พูดจริงรึเปล่า?) ดังนั้น เวลาเธอ (ทั้งหลาย) เสนอ Spa Spa? ก็แล้ว Massage Massage? ก็แล้ว ยังไม่ได้ผล เธอคงคิดว่า พวกนี้คงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง เลยเขย่าแขนแรงๆ ถามตรงๆ Sex Sex? Sex??? ๆๆๆๆๆ โอว

(35) (36) (37) (38) (39)

ผมกับพี่อุทัยเลยเดินแยกกลุ่มออกมา เดินตามถนนไปถนคนเดิน ที่ห่างออกไปราว 2 กิโลเมตร ไกลน่าดู เขาปิดถนนฟากหนึ่งทำเป็นตลาดนัด (นัดทุกวัน?) ผมใส่กล้องถ่ายรูปไว้ในเสื้อ และถอดหมวกออก ใช้ผ้าพันคอผ้าไหมแทนพันรอบหู จะได้ไม่ต้องถูกดูว่าเป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งได้ผลดี ไม่มีใครตามมาจู้จี้อีก ถนนคนเดินไม่ยาวนัก ราว 1 บล๊อก สัก 300 เมตร หรือกว่านี้ ไม่มากนัก ซื้อเกาลัดร้อนๆ เขาขายในบูธ ดูคล้ายตู้แลกเงินในบ้านเรา ดูสะอาดสะอ้าน ชั่งด้วยเครื่องชั่งแบบตัวเลข ซองใส่มียี่ห้อสวยงาม ดูไม่โมเม ขอซื้อมา 1 ชั่ง (ประมาณ 1 ปอนด์ 7.2 หยวน พอๆ กับซื้อจากชาวบ้านร้านตลาดทัวไป) ซื้อ 8 หยวน (40 บาท ได้ประมาณ ครึ่งกิโลกรัม ชอบ ถูก ดี อร่อย) มานั่งทานในห้องโรงแรมดูทีวีดีกว่า หนาวจริงๆ ท่าน อยู่ข้างนอกนานไม่ได้ ขออภัย ปวดฉี่มาก


<หน้าก่อน|หน้าแรก|หน้าต่อไป >
ต้องการข้ามไปหน้าอื่น คลิกเลือกหน้า ี่สารบัญ ซ้ายมือ หรือที่หน้าแรก