ศรีลังกา อารยธรรมแห่งชมพูทวีป
ตอน
4 Gangaramaya Temple วัดกันการามายา

(1) (2) (3)

หลังจากหลับสบายๆ กิจกรรมโปรดปรานอีกอย่างของผมคือ ตื่นมาชมตะวัน ตะวันขึ้นแต่ละที่มีเสน่ห์ (1-3) ผมชอบแสงเรื่อเรืองที่ขอบฟ้า อย่างนี้

(4) (5) (6) (7) (8) (9)

หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ผมเข้าประชุมอีกวันหนึ่ง วันนี้เวทียังว่าง มาไวเลยถ่ายบรรยากาศการจัดเวทีมาให้ชมครับ(4-6) สองข้างเป็นธงชาติของประเทศที่เข้าร่วมประชุม หวังว่าเพื่อนๆ คงเห็นธงประเทศไทยนะครับ นั่นคือผมเป็นตัวแทนเดียวๆ มีการบรรยาย (7-9)สอบถาม พูดคุย แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะไปตามวิธีการประชุม วันนี้ได้รับแจกหนังสือ การบำบัดน้ำเสีย ซึ่งดูไม่ค่อยเกี่ยวกับการประชุมซึ่งเป็นการผลิตประปา และแฟ้มอันหนึ่ง มีโครงการ ปากกา และสมุดจด สงสัยเพิ่งเสร็จ เจ้าหน้าที่มาคอนเฟิร์ม เวลากลับ พรุ่งนี้ เครื่องออก 7.10 น. จะมารับตอน ตี 3.30 ห๊ะ! ขนาดนั้นเลยรึ จะนอนหลับรึเนี่ยคืนนี้ เพื่อนมาเลเซีย บอกเขาต้องไปตอนเที่ยงคืน เพื่อให้ทันขึ้นเครื่องตีสี่ ไม่รู้ไปนอนตอนไหน

เลิกไวขึ้น เป็น 14.00 น. ถึงได้ทานข้าวกลางวัน หิวมาก เพื่อให้หลายคนกลับได้ทันเครื่อง มีคนมาขอที่อยู่อีเมล์นามบัตร ก็แจกไป ปกติก็ไม่เคยมีใครตอบกลับมา หลังจากแยกย้ายผมก็กลับห้อง เตรียมตัวดูบ้านดูเมือง อยากนั่งสามล้อเครื่องดูเมือง คล้ายตุุ๊กๆ บ้านเรา ซิ่งเหมือนบ้านเราด้วย ดูน่าสนุก แต่ฝนโปรยลงมาเป็นพักๆ ไม่เวิร์คครับ ดูจะเป็นหวัดได้ เลยไปขอคำแนะนำโรงแรม ฟร้อนเดสแนะนำว่า มีบริษัททัวร์โคกับโรงแรมอยู่ชื่อ FLOW น่าจะแปลว่าราบรื่น เขาแนะนำแพ็คเกจ 4 ชั่วโมง น่าจะเหมาะกับเวลาที่ผมมี 3,500 รูปี ผมก็นึกไม่ออกว่าเท่าไหร่ แอบมากดเครื่องคิดเลข 777 บาท (ประมาณราคาที่ผมแลกเงินมา) ดีอ่ะ คิดเสียว่าไปเที่ยวสวนสยาม ไม่แพงตั้ง 4 ชั่วโมง ผมถามว่าต้องทิป หรือมีค่าอะไรเพิ่มอีก เขาบอก รวมทุกอย่างแล้วไม่ต้องทิป แต่ถ้าจะทิป ก็ไม่ว่าอะไร แต่ไม่เรียกเพิ่มแล้ว

(10) (11) (12) (13) (14)

ตกลงผมใช้บริการนำเที่ยวของโรงแรม เป็นรถเก๋งอัลติส ใหม่ดูดี คนขับพูดอังกฤษคล่อง และเป็นคนพุทธ เราตกลงสถานที่ว่า อยากไปดูวัดวาอาราม สถาปัตยกรรมสวยๆ ที่สถานที่น่าถ่ายรูป ประมาณนี้ เขาก็บอกว่าเขาแนะนำ ว่าน่าจะได้ 6 ที่ โอเค เพื่อนๆ ตามผมมาเลย ที่แรก (10) ดูตามแผนที่นะครับ ไม่ห่างจากโรงแรมไปด้านหลัง เราไปวัด Gangaramaya Temple ไก้ด์อ่านว่า วัดกันการามายา (11) นับเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของโคลัมโบ เป็นวัดพุทธที่มีสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากศิลปะ ศรีลังกา กับอินเดีย ไทย จีน ญี่ปุ่น และมีพิพิธภัณฑ์ด้วย ผมดูไปถ่ายรูปไป ไม่ได้ทั่วถึงทุกจุด ในวัดนี้มีเยอะมาก เลยเลือกถ่าย และคัดมาคุยกับเพื่อนๆ เราจะเห็นสตรีศรีลังกาที่เข้าวัดจะนุ่งห่มมิดชิดถึงเท้าอย่างสวยงาม ผมต้องจดชื่อวัดเพราะป้ายชื่อวัดเป็นภาษาสิงหลอย่างเดียวเลยอ่านไม่ออก เสียค่าเข้า สำหรับนักท่องเที่ยว เป็นเงินทำบุญเข้าวัด 300 รูปี (ประมาณ 75 บาท) คนศรีลังกาฟรี ไกด์ก็พาชมและบรรยาย ดีมาก ไม่งั้นเราก็ดูไม่ออกว่าคืออะไร เข้าวัดเราต้องถอดรองเท้าเก็บไว้ในตะกร้า แล้วเอาไปวางบนชั้นวางให้เป็นระเบียบ จะไม่มีการใส่รองเท้าในวัด เราเข้ามากราบพระก่อน อุโบสถอยู่ซ้ายมือของทางเข้า ข้างในเป็นพระพุทธรูปใหญ่(12-14)สวยมาก ประณีตมาก มีข้อห้ามของการถ่ายรูปคือห้ามหันหลังให้พระพุทธรูป สามารถตะแคง หรือหันหน้าเข้าหาท่านเท่านั้น และทุกคนในวัดจะคอยแจ้งกฎนี้ให้นักท่องเที่ยวระวังและต้องทำให้ถูกถึงจะถ่ายรูปได้ ไกด์บอกว่าด้านหลังมีปูนปั้นลอยตัวเทวดา ได้รับอิทธิพลมาจากวัดฮินดู ซึ่งจะพาไปดูต่อไป ในนี้สามารถทำบุญบริจาคได้อีก มีฟังธรรม สนทนาธรรมด้วย

(15) (16) (17) (18) (19) (20)

ออกมาจากอุโบสถ เป็นส่วนแสดงของพิพิธภัณฑ์ ด้านนี้เป็นพระพุทธรูป ทั้งขนาดเล็กใหญ่ (15) ส่วนใหญ่ขาดเล็กก็ใส่ตู้กระจกไว้ หลายองค์มาจากไทย ตรงกลางมีชุดโต๊ะเก้าอี้ที่ทำมาจากไม้ที่มีค่า (16) ไม้ราคาแพง มีหลายศิลปะแต่ละชุดไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่ประดับมุก น่าจะเป็นฝีมือช่างจีน ส่วนต่อมาเป็นชั้นบนของส่วนแรก ขึ้นบันไดไปซึ่งมีป้าย ผู้หญิงห้ามขึ้นที่บันได คงเพราะมีพระพุทธรูปที่ชั้นล่างด้วย นักท่องเที่ยวชาวศรีลังกาผู้หญิงบ่นอุบอิบเลย ทางขึ้นบันไดเริ่มมี นาฬิกา ที่นิยมมากสมัยสักร้อยปีก่อน (17) ประมาณว่าใครมีเท่ห์มาก เป็นตู้วางใต้ระเบียงพื้นเป็นกระจกเวลาเดินมองเห็นข้างๆ ชั้นบนนี้(18) จะเป็นพวกเชิงเทียนฉัตร หรือตะเกียงชั้น เป็นเสาๆ และของที่ใช้ในพิธีสงฆ์ พระพุทธรูปก็มีเยอะ ออกมาข้างนอกรั้วลูกกรงเหล็ก เป็นพวกเทพ เทวดา ในอิริยบทต่างๆ (19-20) และภาพเขียนสี

(21) (22) (23) (24)

ออกจากอาคารแรก จะเป็นลานกว้างยกพื้น มีต้นโพธิ์ใหญ่จากหน่อต้นที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ (21) ถือเป็นต้นไม้ที่ควรแก่การไหว้เคารพ เพราะมีบุญคุณที่บังร่มเงาให้พระพุทธเจ้าขณะตรัสรู้ อาคารใกล้ๆ ลานโพธิ์ เป็นอาคารที่แสดงธรรม มีธรรมาสน์ (22)(ที่นั่งพระสงฆ์สำหรับแสดงธรรม) ยกสูงขึ้นเพื่อให้ผู้ฟังธรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย ได้นั่งเก้าอี้ (23) (ที่เห็นวางไว้ข้างๆ) ทำให้ฟังธรรมง่ายขึ้น และมีที่อำนวยความสะดวกให้ภิกษุชรา ที่นับเป็นนวตกรรมที่มีชื่อเสียงสมัย (ประมาณเกือบสองร้อยปีก่อน) นั้นคือลิฟท์(24) เนื่องจากมีหลายชั้น พระผู้ใหญ่ควรอยู่ชั้นบนมั้งครับ สาธุชนจะช่วยกันดึงเชือก เพื่อเชิญพระสงฆ์ลงมาง่ายขึ้น และยังใช้ได้จนบัดนี้

(25) (26)

เจดีย์อยู่ระหว่างอาคารต่อมาซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์อีกหลัง เพื่อนๆ คงคุ้นตามั้ยครับ (25) สถาปัตยกรรมสถูปศรีลังกา ทรงระฆังคว่ำ ตำนานว่าไว้ว่า พระสาวกองค์หนึ่ง ถามพระพุทธองค์ว่าหลังจากท่านนิพาน แนะนำให้สร้างที่ฝังพระศพอย่างไร พระพุทธเจ้า ทรงวางผ้าจีวรลงพื้น ใช้บาตรคว่ำทับ ประมาณนี้ก็พอ จึงกลายมาเป็นที่มาของพระบรมธาตุเจดีย์ ศิลปะศรีลังกา ส่วนยอดน่าจะเป็นยอดชฎา หรือมงกุฎของกษัตริย์พระองค์หนึ่ง หรือเป็นการให้เกียรติ ต่อมาปรับแต่งให้ทนทานแข็งแรงสมดุล จึงออกมาคล้ายระฆังคว่ำแบบนี้ เดินมาอีกนิด ถึงทางเข้า (26) บนหลังคามีพระพุทธรูปที่ออกแบบวัสดุให้ทนแดดทนฝนได้ ผนังเป็นโลหะลายนูน แสดงภาพเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าอย่างประณีตสวยงาม

(27) (28) (29) (30)

สิ่งแรกที่ได้เจอคือ ขุมทรัพย์เลย (27) ชาวบ้านิยมบริจาคของมีค่า เช่นเครื่องประดับ ให้วัด ยิ่งนานวันยิ่งมาก วัดก็ใส่จานใส่ถาดมากมายหลายตู้เต็มไปหมด ดูเป็นของมีค่าของโจรสลัดในนิยาย มันมากจนสุมๆๆ กันราวของไม่มีค่า แต่มันคือเพชรนิลจินดา โลหะส่วนใหญ่เป็นเงิน เป็นที่นิยมเพราะสวยงามและราคาถูกกว่าทองคำ ของพวกนี้ถูกเก็บไว้ในตู้กระจก (28) เยอะมาก กันฝุ่นผงได้อีกระดับ และยังชื่นชมได้โดยง่ายและปลอดภัย เราตรงไปกราบพระแก้วมรกตจำลอง (29) ทรงชุดหน้าร้อน ไกด์บอกว่ามาจากเป็นมรกตแท้จากประเทศไทย เข้าใจว่าราชวงศ์ไทยระดับสูงถวายให้วัด เขาไม่รู้มากนักเพราะไม่มีป้ายอธิบาย และตรงหน้าเป็นคริสตัลมีค่าสูงขนาดสูงกว่า 1 ฟุต ถวายเป็นพุทธบูชาและเครื่องบูชาพระแก้วมรกต โดยมหาเศรษฐีเจ้าของธนาคารใหญ่ของศรีลังกา เพื่ออุทิศให้คุณอเล็กซ์ (30) บุตรชายของท่าน ยังมีรูป และสักกระด้วยพวงมาลัยมะลิสด 

(31) (32) (33) (34)

เจดีย์และพระพุทธรูปทองคำ ด้านหลัง(31) ด้านหน้า(32) น่าจะเป็นศิลปะศรีลังกาอีกสมัยหนึ่ง มีกระจกนิรภัย และติดแอร์ด้วย ภาพต่อมาเป็นเจดีย์งาช้าง ด้านหลัง (เ33) ด้านหน้า (34) เจดีย์นี้น่าจะสร้างไว้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นเจดีย์อีกองค์ที่ล้อมกระจกนิรภัย ไกด์บอกศรีลังกาผลิตงานช้างเยอะ แต่คนศรีลังกาไม่นิยม ถือเป็นของสูงจึงถวายวัดเยอะเลย เลยต้องเก็บแบบนี้ จนองค์กรพวกอนุรักษ์ต่อต้านการค้างาช้างของวัด รูปทรงเจดีย์นี้จะเหมือน บาตรคว่ำ ตามตำนานมากกว่าสมัยใหม่

(34) (35) (36) (37) (38)

คนนี้เป็นไกด์ผมครับ (34) เรียกไปที่พระพุทธรูปนี้ แล้วดึงสายสินธุ์มาผูกข้อมือให้ เขาบอกว่าผ่านพิธีศักดิ์สิทธิ์ และการอธิษฐานจิตมาแล้ว มีค่ามาก ดีมากๆ แล้วเขาก็อวยพรผมให้โชคดี ขอให้ผมผูกข้อมือสายสินธุ์นี้ต่อด้วย รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเราเลย มีพระแม่กวนอิม (35) และพระพุทธรูปจากจีนและญี่ปุ่น จากประเทศไทย (36) จากผู้มีชื่อเสียง แขกพิเศษพร้อมภาพ (37) และไกด์ชวนไปดูพระรูปพระพุทธเจ้า (38) ที่แกะสลักข้างหลังด้านในของพระเศียร มองจากด้านหลังจะเป็นพระพักตร์ที่จะมองจามเราตลอดไม่ว่าเรามองจากมุมไหน ผมลองดูเป็นอย่างนั้นจริงๆ ศิลปินช่างสามารถมากครับ

(39) (39) (40)

ส่วนนี้จาก จีน (39) องค์ใหญ่ก็มีในนี้ ของไทย(39-40) เยอมาก ผมหมายถึงศิลปะแบบไทย จะถูกเก็บวางแสดงไว้ที่เดียวกัน อาจจะไม่ได้มาจากประเทศนั้นๆ ก็ได้

(41) (42) (43) (44)

ไกด์บอกว่า นี่เป็นของใช้ที่นิยม ของคนศรีลังกา คือผลิตภัณฑ์ทำจาก เงิน และดีบุก (41-42) ผมเลยถามว่า ที่ครอบครัวคุณใช้กันแบบนี้เลยหรือ เขาทำท่าตกใจ รีบปฏิเสธ นี่เป็นของพวกชนชั้นสูงร่ำรวย พวกผม (ไกด์) เป็นชาวบ้านธรรมดา นิยมเครื่องใช้เซรามิกธรรมดามากว่า ผมจบที่นี่ด้วย ขุมทรัพย์ทองคำ แก้วแหวนเงินทองที่คนมาบริจาคให้วัด มีอย่างนี้อีกหลายสิบตู้  

ผมพาไปชมวัดฮินดูกันต่อ สวยมากเช่นกันครับ คลิกเลย...

<กลับตอนก่อน | ศรีลังกา | ตอนต่อไป>

| Trironk.net |ท่องโลก | ศรีลังกา |