ออลีฝัน      หน้า 20

พิธีมอบประกาศนียบัตร
      วันศุกร์ที่ 5  กรกฎาคม  2539  พิธีมอบประกาศนียบัตร  (Certificate Celemony)


รับประกาศนียบัตร กับท่านกงสุลใหญ่ ประจำนครซิดนี่ย์


งานเลี้ยงหลังรับประกาศ


ถ่ายรูปหมู่ กับผู้ประสานงานโครงการ คุณโจเอล

    มีงานเลี้ยงรับรอง เชิญอธิการบดีมามอบ อาจารย์ที่เคยสอนทุกท่านและยังเชิญท่านกงสุลใหญ่ ประจำนครซิดนีย์ มาเป็นเกียรติและแสดงความยินดีให้พวกเราด้วย วันนี้เป็นวันที่เราโล่งอก เพราะผ่านการเรียนมาทุกคน อาจารย์บอกว่า วันสำคัญใครมีสูท (Jacket) โปรดใส่มา ใครไม่มีแต่งกายสุภาพ เราเลยใส่สูทกันวันนี้ดูดีมาก อาจารย์ทุกคน ดูเป็นพิธีการดี  แต่ผมไม่ได้เอาสูทมา เพราะสถานฑูตบอกตอนอยู่ประเทศไทยว่าไม่จำเป็นต้องเอามา ไม่ได้ใช้ เชื่อเลยไม่ได้เอามา อาจารย์บอกไม่ซีเรียส แต่ก็อยากจะหล่อ ไปยืมอาจารย์อีกกลุ่มหนึ่งที่มาเรียนการวิจัย พักอพาทเม้นท์ใกล้กัน บังเอิญสีเข้ากันดีมากกับกางเกงที่ผมมีเหมือนเป็นชุดเดียวกันเลย งานเลี้ยงวันนี้ เป็นวันแรกวันเดียวที่กินอาหารออสซี่ที่อร่อยที่สุด หรือบรรยากาศพาไปไม่ทราบ


วันจบ กับตึกสิ่งแวดล้อม อาคารไกลๆ
ส่วนอาคารใกล้เป็นอาคารสอนเคมี


พื้นที่รับน้ำ แก้มลิง ในมหาวิทยาลัย


 ดอกชาอาซาเลีย กับโรสแมรี่ ในมหาวิทยาลัย

งานกว่าจะเสร็จ เราก็ถ่ายรูปกันยกใหญ่ รอบๆ มหาวิทยาลัย

วันที่ 6 กรกฎาคม ตื่นสายๆ ไปชอปปิ้ง และเที่ยวเป็นวันสุดท้ายก่อนกลับ โดยเริ่มที่ในเมืองซิดนี่ย์

ตึกโบราณๆ กับใบเมเปิ้ลในเมืองซิดนี่ ดูแล้วเหงา นี่จะได้มาเยือนอีกเมื่อไร

          เราแวะชมสวนโบตานิค คือสวนรุกขชาติกลางเมือง เป็นสวนที่ตกแต่งจนคล้ายป่า และสวนสาธารณะ มีทั้งส่วนที่เป็นป่า และส่วนที่เป็นสนาม สวนดอกไม้ เป็นที่พักผ่อนของคนที่นี่ 

จากที่นี่มองเป็นตัวเมือง และหอคอยกลางเมือง และโอเปร่าเฮาส์

                และมีสัตว์ป่าเดินเพ่นพ่นหลายอย่างที่ตัวเล็กๆ เช่น นกสวยๆ ตัวโตๆ ออกมาคุ้ยอาหาร พวกกระรอกออกมาเล่นกลางสนาม 

อาคารูปปิรมิดใช้เป็นกรีนเฮ้าส์ ทำให้ดูแปลกตาดี

                มีอาคาร และพวกรูปปั้นแปลกๆ สวยงาม อย่างเช่น  อาคารทรงปิรมิด ที่น่าจะเป็นแหล่งเพาะพันธ์พืชในเขตร้อน ไม่ได้แวะไปดูข้างใน 


ที่นี่ดูร่มรื่น นกพวกนี้คุ้นเคยกับคนดี

           เราเดินไปดูส่วนของป่าด้วย แต่ภาพที่ถ่ายไม่ชัด กล้องไม่ค่อยดี เราเพิ่งทราบว่ายูคาลิปตัสที่นี่ มีหลายพันธ์มาก เจอพันธ์หนึ่ง ดอกสวยโต อย่างกับดอกกุหลาบ มีปลูกไว้หน้าอาคารสำนักงาน และที่ขายของที่ระรึก สวนพืชทะเลทรายที่นี่ก็หลากหลายพันธ์ แต่ดูเติบโตไม่ใคร่ดีนัก เพราะที่นี่ชุ่มชื้น และไม่ร้อนกระมัง


มุมหนึ่งของสวนทะเลทรายที่แต่งคล้ายสวนหย่อมร่วมพันธ์ดอกไม้ปกติ

             เลยไปถึงมิสซิสแมคควอรี่แชร์ (Mrs Macquiires Chair) มีประวัติว่า ภรรยาของท่านแมคควอรี่ ผู้ว่าการรัฐคนสุดท้าย ได้เอาเก้าอี้มานั่งที่นี่ เพื่อวางแผน ชี้ว่า ตรงนั้น ตรงนี้ ควรมีอาคารอะไรอย่างไร เป็นสัญลักษณ์ผู้หญิงเก่งว่างั้นเถอะ เบื้องหลังวีรบุรุษ มีสตรีเก่งช่วยเหลือเสมอ ประมาณนั้น

มุมวางแผังเมืองของนางแม็คควอรี่ สวยอย่างนี้ครับ

       เราไปฟังประวัติ คำบรรยาย โดยหยอดเหรียญ 1$ แล้ววางเมือลงไปบนแท่น ก็มีคำบรรยายให้ฟังโดยไม่ต้องรอไก้ด์

ตู้หยอดเหรียญบรรยาย เรื่องราวของแมคควอรี่แชร์

       เราเดินออกมาเป็นสวนสาธารณะที่ตกแต่งไว้อย่างสวย น่าเดินเล่น อากาศที่เริ่มร้อนก็มีอาหารขาย เรากินไอสกรีมที่นี่นับว่าไม่แพง เป็นไอสกรีมโคน จุ่มลงไปในน้ำชอกโกเล็ต พอส่งให้เราก็แข็งตัวเป็นแผ่นบางๆ อร่อยดีเหมือนกัน บ้างก็กินเบอร์เกอร์ 

เห็นทางเดินอย่างนี้น่าวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้าๆ

       เราไปแพดดี้ต่อมา ผมไปเหมาเอาโอปอล ที่ร้านโอปอล ราคาค่อนข้างถูก เราเคยถามและเรียนรู้จากร้านค้าปลอดภาษี ที่กลางเมืองซิดนีย์หลายเจ้า บางร้านมีคนไทยมาอธิบาย เขาลงทุนจ้างคนไทยมาเพราะคนไทยมาชอปปิ้งเยอะมาก (ฟังแล้วท่าทางคนไทยจ่ายเก่ง) วันนี้คุยกับพ่อค้า และแม่ค้าโอปอล ด้วยสำเนียงออสซี่ได้แล้ว  เธอเชื่อว่าผมเป็นคนออสซี่  ผมได้ลดราคาเยอะเลย ยิ่งบอกว่าจะเอาไปฝากเพื่อนๆ ญาติๆ ในเมืองไทย เธอยิ่งกุลีกุจอ คัดเม็ดสวยๆ ให้อีก อยากโฆษณาให้ประเทศมั้ง ผมคัดได้เป็นกอง นับว่า มี แม่ พี่สาว สะไภ้ หลานสาว และ หัวหน้า รวมแล้วราว 30 ชิ้น ก็ใช้เงินจากเล่นคาสิโนมา เกือบเกลี้ยงเลย ซื้อของที่ระลึกอื่นให้เพื่อนๆ ที่ที่ทำงาน และเพื่อนๆ หมดพอดี หมายภึง เพิ่มเงินอีกเล็กน้อย
       พี่สาธิตและพี่พีร์ชวนไปชายหาดบันดัย เป็นชายหาดที่ผู้คนจะอาบแดดกัน ก็ดีเหมือนกัน เผื่อจะได้ดูอะไรๆ แปลกๆ นั่งรถเมย์โดยใช้ Travel Ten ที่เหลืออยู่ตั้งสิบ กว่าเที่ยว ได้นั่งรถดูบ้านเมือง หลังแวะทานข้าวแล้วก็ลงเดินดูชายหาดกัน

ชายหาดที่นี่ โล่ง มีตึก โรงแรม บ้านเรือนห่างๆ จากชายหาด ไม่มีบริการเช่าเต้น หรือห่วงยางให้รกตา

        วันนี้ไม่มีคนมานั่งอาบแดดกันที่ชายหาด เพราะหนาวและลมแรง มีคนเล่นวินเซิฟกันไม่มาก เพราะเขาบอกอาจมีพายุฝน

ลมแรงคลื่นค่อนข้างดี มีนักโต้คลื่นราวสิบกว่าคนเล่นอยู่
(ในรูปมี 3 คน)

       วันนี้ผมกลับมาเบิกเงินจากธนาคารจนหมด ธนาคารที่นี่ ถ้ายกเลิกบัญชี ผู้ประสานงานโครงการเขาจะขอบัตร ATM คืน เลยคืนไปตอนเช้าๆ ให้เจ้าหน้าที่ ออสเอด ก่อนออกไปชอปปิ้ง ได้ค่าเบี้ยเลี้ยง ราว 30,000 บาท เป็นรายได้ที่น่าสนใจ ผมใช้เงินที่เตรียมจากบ้านจากไทย ใช้ไปไม่ถึง 2 หมื่นบาท เพราะเขาให้เกือบทุกอย่าง ในช่วง 46 วัน นับว่าประหยัดกว่าคนอื่น อะไรๆ ก็ฟรี ส่วนใหญ่หมดไปกับของฝาก (ซึ่งก็ได้จากคาสิโน อิอิ) แล้วไปใช้ค่าเบี้ยเลี้ยง+ค่าอาหาร  ที่เขาให้ในธนาคาร เราถ่ายรูปหน้าหอพัก  และมหาวิทยาลัยในวันสุดท้าย และเก็บข้าวของลงกระเป๋า ผมอยากเอาตำราและหนังสือกลับประเทศไทย แพ็คลงกระเป๋าหมด ซื้อเพิ่มจากแพ็ดดี้อีกใบโดยเฉพาะ อาจารย์เขาอยากให้เอาตำรากลับ เลยเพิ่มค่าสัมพาระให้อีกคนละ 15 กิโล แต่ของผมต้องการอีก 7 กิโลกรัมจากที่เพิ่ม ไม่อยากทิ้ง เลยเอามาสุมรวมกันตอนเช็คอิน บอกว่ามาเป็นกลุ่ม เขาก็ชั่งรวมๆ หารด้วยจำนวนคน เหลือน้ำหนังอีกตั้ง 20 กิโล รู้งี้เอามาอีกก็ดี คุณโจเอลไปส่งที่สนามบิน ไวดีเหมือนกัน ด้วยรถตู้และพ่วงรถสัมภาระ 46 วัน คิดถึงบ้านมากๆๆๆๆๆๆ พอดี นับวันนับคืนจะได้กลับบ้าน แต่ถึงเวลาก็ใจหาย เมื่อไรจะได้กลับมาอีก 

กลับบ้านที่เมืองไทย
       นั่งเครื่องบินกลับบ้าน เหม่อมองไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน ลาแล้วออสเตรเลีย ผมหวังว่าจะกลับมาอีก และจะจารึกไปอีกนาน คราวนี้แอร์โฮสเตทสาวสวยเข้ามาถามว่ามีอาหารให้เลือก 3 อย่าง รับอะไรดี มีอันนี้ อันนั้น อันโน้น รู้สึกดีกว่าวันแรกเยอะ ฟังรู้เรื่องทุกคำแล้ว! ตอนนี้คุ้นกับสำเนียงออสซี่ นั่งเครื่องบินยาวนาน กลับมา ถึงประมาณอ่าวไทย ก็มีพายุฝนลมแรง มีฟ้าผ่าใกล้ๆ ไม่ทราบโดนเครื่องหรือเปล่า แต่ก็ทำให้เครื่องโคลงอย่างแรง และตกหลุมอากาศ กัปตันจึงบินสูงขึ้นกว่าเมฆและรีบมาไวขึ้น ผมนั่งรัดเข็มขัดและดึงผ้ามาห่มหลับไปจนเหตุการณ์ผ่านไป ตื่นมาก็โดนดุจากคนข้างๆ (ด้วยความอิจฉา) ว่า ดูซิ คนตกใจจะเป็นจะตาย หลับเสียได้ ก็มันง่วงนี่นา และดูมันไม่รุนแรงอะไร เพื่อนๆ หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ หลับกันหมด
        กลับมาถึงไทย ราว 1.15 น. วันที่ 8 กรกฎาคม 2539 ออกจากดอนเมือง ต้องส่งหมอสุพจน์ ที่กลัวเมาเครื่อง และไม่ค่อยสบาย กินยาแก้เมา กะ 8 ชั่วโมง แต่เครื่องมาถึงก่อน ชั่วโมงกว่า ยังไม่ตื่น เมายาแทน ผมต้อง กึ่งแบก กึงลาก หมอสุพจน์ มาที่พักผู้โดยสาร ต้องดูแลจนถึงรถมีทางบ้านมารับ ผมถึงเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านหลังสุด
        พอผมถึงแทกซี่ก็เป็นลม ข้างนอกอาคาร และในแท็กซี่ ร้อนมาก จาก 0 องศา เป็น 38 องศา ร่างกายปรับไม่ทัน บอกแท็กซี่ว่า พี่มีแอร์เท่าไรเปิดสุดเลย ผมมาจากซิดนี่ย์ มันศูนย์องศา ตอนนี้รู้สึกร้อนมาก จะเป็นลมแล้ว โอว! เมืองไทย แท็กซี่ก็หัวเราะก๊าก รีบเร่งจนเขาหนาวเลย

หน้า 1 ก่อนเดินทาง, บนเครื่องบิน
หน้า 2 วันแรกที่ออสเตรเลีย, รู้จักกับอาจารย์
หน้า 3 อาหารมื้อละ 185 บาท ค่ารถเมล์ 70 บาท, เดินชมเมืองซิดนี่ย์
หน้า 4 เริ่มชีวิตนักเรียนนอก, เริ่มเรียนวันแรก
หน้า 5 พาชมเมืองซิดนี่ย์
หน้า 6 ลุยราตรีซิดนี่ย์, เริ่มฟังภาษาอังกฤษออกแล้ว
หน้า 7 ไปดูมหาวิทยาลัยนิวเซ้าท์เวล
หน้า 8 ดูงานที่มหาวิทยาลัย Western Richmond
หน้า 9 ขับรถท่องนิวเซาท์เวล
หน้า 10 ชมเมืองซิดนี่ย์, เรียนคอมพิวเตอร์, คริสมาสเดือนมิถุนายน, เตรียมตัวออกทริพ
หน้า 11 ทัศนศึกษาสวนสัตว์ทารองก้า, ออกภาคสนามอันยาวนาน
หน้า 12 แคนเบอร่า เมืองหลวง ออสเตรเลีย, สโนวี่ เมาท์เทน 
หน้า 13 เขตแห้งแล้งและเขตชลประทาน
หน้า 14 เยี่ยมชมครอบครัวในเขตกึ่งทะเลทราย
หน้า 15 ต้นไม้พันธ์หายาก, เหมืองเงิน Sunny Coner, Mid Winter Fosrival
หน้า 16 blue moutain
หน้า 17 ซื้อของฝาก ใหม่!
หน้า 18 ทัศนศึกษา Woo-Longgongใหม่!
หน้า 19 เลี้ยงอำลา, นำเสนอผลงานใหม่!
หน้า 20 พิธีมอบประกาศนียบัตร, กลับบ้านที่เมืองไทย ใหม่!
| ออสเตรเลียแดนในฝัน | ประปาไทย.คอม | ไตรรงค์.เน็ต |

อ่านมาถึงตอนจบแล้ว คุณคิดอย่างไรบ้างล่ะ อีเมลมาคุยกันหน่อยสิครับ