ออสเตรเลียแดนในฝันอาหารมื้อละ 185 บาท ค่ารถเมล์ 70 บาท
หน้า 3 อาหารมื้อละ 185 บาท ค่ารถเมล์ 70 บาท, เดินชมเมืองซิดนี่ย์
อาหารกลางวัน เราต้องหากกินเอง หลังคุยกับอาจารย์โดโด้ เราตกลงจะไปในเมืองกัน ก็ข้ามฟากมหาวิทยาลัย เข้าศูนย์การค้าใหญ่ ชื่อแม็คควอรี่ เซ็นเตอร์ เราเริ่มหาร้านอาหารไทย ไปกินข้าวผัด ราดไก่ย่าง ที่ร้านอาหารจีนในนั้น จานละ 6.8 A$ (Australian Dollar) รวมโค๊ก 1.4 A$ = 9.2 A$ ตามอัตราการแลกเงินไทยตอนนั้น 20.20 บาท (พ.ศ.2539 ตอนนี้ พ.ศ.2552 ราว 25 บาท) มื้อนี้ตกประมาณ 185 บาท! (โอ๊ว... อย่าลืมว่า นี่คือราคาใน พ.ศ.2539 ยังขนาดนี้ ตอนนั้นกรุงเทพฯ ข้าวราดแกงราคา 15 บาท) นี่เป็นอาหารมื้อธรรมดาๆ เราก็ใจหายแว๊บ กันเป็นครั้งแรก แล้วก็เดินดูห้างออกมา มีลานสเก็ตน้ำแข็งด้วย กว้างราวครึ่งสนามฟุตบอล เดินดูสักพักก็จะไปซิดนี่ย์ กัน ต้องไปทางรถเมล์ รถที่นี่ เหมือน ปอ.พ.บ้านเรา กลางวันเปิดแอร์ กลางคืนเปิดเครื่องทำความร้อนด้วย นั่งคุยกับคุณป้าท่านหนึ่ง เธอเพิ่งซื้อของเสร็จ ออกมารอรถเมล์ เห็นคุณป้าดูซินเซียดี (ดูเป็นมิตรดี ท่าทางใจดีด้วย) เลยคุยด้วย เธอบอกว่า ค่าโดยสาร 3.50 A$ ตก 70 บาท ถ้าคิดง่ายๆ ดอลล่าร์ละ 20 บาท แต่มีวิธีประหยัด เธอบอกให้ซื้อ Tavel Ten Card ราคา 24.4 A$ ไปได้ 10 ครั้ง ประหยัดได้ 1.10 A$/ครั้ง เราก็วิ่งไปซื้อกันที่ร้านหนังสือ ในแม็คควอรี่เซ็นเตอร์ แถวห้างวูเวิร์ธ เดินชมเมืองซิดนี่ย์
คราวนี้เราไปกัน 7 คน มีคุณสาธิตเป็นไกด์ เพราะเคยเรียน จบโทที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย เราไปรถเมล์สาย 228 ถึงอาคารวิคตอเรีย(นับเป็นจุดศูนย์กลางเมืองคล้ายอนุสาวรีย์ชัยฯ ของกรุงเทพฯ) เราพากันไปคารวะพระรูปปั้นพระนางวิคทอเรีย หน้าตึก แล้วผ่านที่ว่าการเมืองซิดนี่ย์ ใกล้ๆ กัน และโบสถ์เซ้นท์ แอนดริวส์ มีบางท่านบอกว่าเป็นโบสถ์แรก ของเมือง ดูเก่าแก่ ดูขลังดี สินค้าที่นี่ค่อนข้างแพง เราเลยดูกันผ่านๆ เป้าหมายแค่ซื้อของฝาก เลยยังไม่ซื้อกัน แล้วไปขึ้น โมโนเรล รถไฟรางเดี่ยว ดูรอบเมือง ตอนนี้ยังงงงงอยู่ว่าไปมาอย่างไร อยู่ตรงไหนของเมือง (=หลง อิอิ เขินจัง มีคนบอกว่า นักท่องเที่ยวหลง เป็นเรื่องธรรมดา แน้ ยังจะแก้ตัว) ต้องเอาแผนที่ออกมากางดู เราหยิบมาจากร้านรวงทั่วไป มีแผนที่แจกฟรี ดีจังเลย ไทยน่าจะมีบ้าง
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับโบสถ์เซนต์ แอนดรู พระรูปปั้นของพระนางวิกตอเรีย ซิดนี่ย์ทาวเวอร์ มองจากโมโนเรล หมู่ตึกถ่ายระหว่างนั่งรถไฟรางเดี่ยว ผมจะถ่ายภาพโมโนเรล แต่คุณวรศักดิ์
คงคิดว่าจะถ่ายรูปเขา ยิ้มใหญ่เลยไปถึงสะพานข้ามอ่าวดาลิ่งฮาร์เบอร์ (ฮาร์เบอร์ แปลว่า อ่าว บางทีเลยจะเขียนแค่ อ่าวดาร์ลิ่ง) ลงเดินดูชอปปิ้งเซนเตอร์ มีร้านหนังสือ มีสินค้าต่างๆ แปลกๆ ผมชอบสินค้าพวกเดินป่า สินค้าพื้นเมือง ผลึกหินแร่ แบบว่า ธรรมชาติๆ ตอนนั้นเดินไปกับคุณวรศักดิ์ เพราะชอบดูสินค้าคล้ายๆ กัน ก็ไปเจอคนไทยที่ทำงานการบินไทย มีกิจการค้าขายในออสเตรเลีย เธอแนะนำว่าของถูกที่สุด พวกของฝาก อยู่ที่ Paddy เป็นตลาดนัด คล้ายจตุจักรบ้านเรา อยู่ที่ไชน่าทาวน์ ของถูกมากๆ เราเลยยังไม่ซื้อของอะไรกัน กะว่าค่อยไปดูที่นั่นกันก่อน
เดินดูพักหนึ่งก็ไปนั่งชมวิวที่อ่าวดาร์ลิ่งฮาร์เบอร์ หน้าห้างสรรพสินค้า วิวที่นี่สวย หมดฟีล์มไปเยอะเลย (ฟีล์ม ไม่ผิดครับ สมัย 2539 ยังไม่มีปัญญาซ้อกล้องดิจิตอล ภาพเหล่านี้ถูกสแกนจากภาพถ่ายจัมโบ้) จุดนี้มองเห็น Center Paint เป็นจุดกลางเมือง มี City Tower อยู่กลางตึก เป็นโดมสูงกว่า 300 เมตร ข้างบนเป็นที่ดูวิว และร้านขายของที่ระรึก รวมทั้งเป็นศูนย์โทรคมนาคมด้วย ด้านล่างเป็นห้างสรรพสินค้า ขายของต่างๆ
ดาร์ลิ่งฮาร์เบอร์ยามเย็น
อีกมุมหนึ่งของอ่าวดาร์ลิ่ง
พิพิธภัณฑ์เรือรบ จอดให้ชมริมอ่าวดาร์ลิ่ง
อ่าวดาร์ลิ่งขากลับ เดินทางกลับมาลงรถเมล์ที่แมคควอรี่เซ็นเตอร์ ใกล้อพาทเมนท์ที่พัก ของกินของสดที่นี่ค่อนข้างถูก กว่าที่อื่น (แต่ก้อแพงสำหรับเรา) โดยเฉพาะผักผลไม้ เราเลยซื้อบางอย่างมาทำอาหารเย็นกิน วันนี้พี่สถาพร โชว์ฝีมือเอง เครื่องปรุงไม่ครบ แต่เราก็ว่า อร่อยกว่าอาหารฝรั่งเยอะเลย ตกลงกันว่า จะเปลี่ยนๆ กันทำอาหาร เมื่อจำเป็นต้องทำ