วันนี้เป็นวันหยุด เลยนัดกันไป City Tour ชวนกันหลายคน สุดท้ายเหลือ 4 คน คือ 2 สาวจีน 1 หนุ่มกัมพูชา และ 1 หนุ่มไทย ผมเอง หลายคนอยากพักผ่อน พักทำไมน้อ อีกอาทิตย์เดียวก็กลับบ้านแล้ว จาง-ซัน ไปขอรถจากโรงแรมไปส่ง หัวหน้าเวร (สงสัยจะเป็นผู้จัดการสักแผนกหนึ่ง) ใจดีไปส่งที่สถานีรถไฟ พร้อมอธิบายการเที่ยงลำพังในโซล เราได้ใช้บัตร Travel Tour อีกครั้งจากสถานีรถไฟใต้ดิน ซื้อตั๋ววัน 10,000 วอน (300 บาท) ไปขึ้นบริษัททัวร์ ณ จุดเริ่มทัวร์ (รูปที่ 1) เพื่อนั่งรถไปจุดที่ต้องการดู แล้วลงชมเอง โดยไม่ต้องมีไกด์ หรือไปซื้อบัตรเข้าสถานที่ จะมีไกด์พาเที่ยว โดยปกติจะมีไกด์อธิบายในรถ แต่รถที่ผมนั่ง ไม่มี เพราะป่วย คนขับเลยต้องทำหน้าที่เอง อธิบายเล็กน้อยในรถ เปิดเสียง ที่ที่นั่งเราสามารถใช้หูฟัง เลือกภาษาได้ คือ เมนดาริน (จีนกลาง) เกาหลี และอังกฤษ เวลาถึงจุดทัวร์ ก็เชิญคนที่ต้องการลง และมาอธิบายเส้นทาง การซื้อตั๋ว (ถ้าต้องซื้อ) จุดน่าสนใจ และเน้นเวลากลับ ซึ่งจะช้าได้ไประมาณ 5-10 นาทีตามสภาพการจราจร รถจะวนเป็นเส้นทางเดิม และมีหลายคัน เราจะขึ้นลงคันไหนก็ได้ทั้งวัน ห่างกันประมาณ 30 นาที จึงต้องกะเวลาเที่ยวให้ดีว่าจะไปจุดไหนกี่นาที
อากาศหนาวมาก ทันทีที่ลงจากรถ ก็ต้องรีบบเก็บมือ ไม่งั้น 2-3 นาที มือจะหนาวจนชาไปไปหมด ต้องใส่ถุงมือหนัง หยิบจับอะไรก็ลำบาก กันลมได้ แต่ไม่ค่อยอุ่นเลย คนขับรถบอกว่า อุณหภูมิประมาณ 4 องศา ลมพันอ่อนๆ ไชเสื้อผ้าเข้าไป เดินไปเดินมาก็ไม่อุ่นขึ้นเลย ความอยากเที่ยวอ่ะ ทนเอง อ่ะๆ มาดูเลยดีกว่า ตามมานะครับ จากจุดเริ่มต้น รอราว 15 นาที รถมาก็ขึ้นรถ ผ่านจุดที่เป็น ค่ายทหารอเมริกัน (รูปที่ 2 ที่ยังใช้งานอยู่ มีทหารประจำอยู่ (รูปที่ 2-3) ดูแข็งแรงน่าเกรงขาม มีรั้วลวดหนามโดยรอบ แล้วก็เดินทางเข้าเมือง (รูปที่ 4) เขตชุมชนจะเป็นตึกสูงๆ ต่ำๆ เพราะเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแถบภูเขา ทำให้ดูได้หลายมุม
ที่แรกที่แวะดู เป็นหมู่บ้านเกาหลี นัมซังกอล (Namsangol Traditional Garden) จำลองจากบ้านพักชนชั้นกลางและคนมีชื่อเสียง ในชนบท ทางเข้าต้องเดินเข้าซอยเข้าไป (รูปที่ 5) และต้องเดินขึ้นเขาเตี้ยๆ เข้ามาข้างใน (รูปที่ 6) จะเป็นลานกว้างสำหรับรวมพลคนมาทัวร์ได้ มองจากรูป 6 ทางเข้าอยู่ข้างหลังผม เราก็หาห้องน้ำกัน ซึ่งอยู่ทางขวาของรูป ออกจากห้องน้ำ มีสระจักรวาล และเกาะจันทราด้วย อาคารสวยมาก คงจะเป็นการจำลองวังพักร้อนสักแห่งมา เสียดายที่ภาพถ่ายจากตรงนี้ ถูกลบไปโดยไม่ตั้งใจ ส่วนซ้ายมือของรูปเป็นที่ขายของที่ระลึกและพิพิธภัณฑ์ เดินต่อมาอีกนิด ขวามือของรูปจะเป็นประวัติ และแผนที่ของหมู่บ้านจำลอง (รูปที่ 7-9)
ส่วนใหญ่บ้านจะเป็นรูปตัว U (รูปที่ 10) โดย 2 ฝั่ง ฟากหนึ่งจะเป็นห้องครัว (รูปที่ 11) อีกฟากเป็นห้องเก็บของ (รูปที่ 12) ตรงกลางเป็นห้องพักผ่อนหรือต้อนรับ (รูป 13-14) ซึ่งบางทีก็เก็บเกี้ยวหรือของที่โชว์แสดงฐานะ และมุมเป็นห้องนอน ห้องแต่ละห้องจะเล็กๆ ประมาณ 2 x 2 เมตร เป็นปกติ เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง สำหรับทำความร้อนให้บ้านในฤดูหนาว
มองข้างหลังบ้าน ฟากที่เป็นห้องครัว จะมีปล่องไฟ (รูปที่ 15) ต่อออกมาจากห้องครัว และจะมีเตาที่ด้านล่างของห้อง(รูปที่ 16) เขาจะสุมไฟให้ส่งความร้อนไปตามท่อใต้ถุนบ้านตรงไปยังห้องนอนหรือห้องรับแขก
หลังบ้าน หรือข้างบ้าน ส่วนใหญ่ จะเป็นที่ซักล้าง อาบน้ำ (รูปที่ 17) จะมีอ่างหินเก็บน้ำ หรือแท้งค์น้ำคอนกรีต หรือท่อน้ำจากภูเขามาลงหลังบ้าน เกือบทุกบ้านจะมีโอ่งหมักกิมจิ (Kimchi: ผักกาดขาวดอง) เรียงรายมากมายอย่างนี้ (รูปที่ 18) บางบ้านก็มีสวนเล็กๆ พักผ่อน เดินเล่นบ้าง (รูปที่ 19) หรือครกตำข้าว เหมือนบ้านเรา (รูปที่ 20) ที่ลานกลางหมู่บ้าน จะมีที่สำหรับเด็กเล่น มีเกมส์ให้เล่นด้วย เช่นที่โยนห่วงลงคนโฑคอยาว หรือหมากฮอสกลางแดด (รูปที่ 21-22) เราเดินดูนานโขอยู่ตรงนี้ เพื่อรอรถ ขากลับเจอหนุ่มสาวถ่ายรูปสำหรับงานแต่งงาน เขาแต่งตัวกันน่ารักมากตามแบบของเกาหลี ก็ ปรึกษากันว่า อยากถ่ายรูปจังเลย จะขอถ่ายรูปแล้วจะเกาะกะ หรือขัดขวางอารมณ์ สุนทรีย์ของเขารึเปล่า แต่ยังไม่มีข้อยุติ เฟ่ง-ซัน (มั้ง) ก็ขอถ่ายเลย เขาก็งงกันเล็กน้อย แต่ก็อนุญาตให้เราถ่ายรูปกับเขาได้ สวยใช่ไหมครับ 2 คนนี้ พูดภาษาอังกฤษได้คล่องทีเดียว