19 พฤศจิกายน 2547 |
ตื่นแต่เช้ามาชาร์ทแบตเตอรี่กล้อง ผมยืมปลั๊กจากพี่โสภาพี่สาวของผมจากเมืองไทย เต้าเสียบที่นี่ไม่เหมือนประเทศไทย ต้องใช้ตัวปรับ จึงจะใช้ไฟฟ้าได้ ต้องเตรียมสำรองไว้หลายชุดเพราะจะถ่ายรูปบ่อยๆ เช้านี้ต้องไปหาซื้อข้าวเช้าทานเอง โดยปกติแล้ว มื้อเช้าในโรงแรมของญี่ปุ่นไม่รวมในราคาห้องพัก ไจก้าจึงให้เราไปหาซื้อทานเอง โดยโอนเป็นเงินพร้อมเบี้ยเลี้ยง ก็เข้าท่าดี เพราะได้เงินเพิ่มแต่เราก็ทานกันไม่ถึง เพราะส่วนใหญ่มื้อเช้าไม่ทานกันหนัก แต่ผมเป็นคนทานเท่าๆ กันทุกมื้อ และไม่หนักซักมื้อ นากาโนะ-ซัง โทรมาเรียกก่อนรถออก 15 นาที
ไปงานแรกที่มหาวิทยาลัยโอซาก้า(รูปที่1) อาจารย์ Dr Hamasaki สอน Wastewater land treatment พูดถึงการใช้ดิน และพื้นดิน ประเภทต่างๆ ขนาดต่างๆ บ้างก็ผ่านกรรมวิธี บ้างก็ขุดมาใช้เลย แล้วแต่คุณสมบัติและผลการทดสอบก่อนๆ มาใช้กรองน้ำเสีย ที่นิยมมากคือดินจากภูเขาไฟ (รูปที่ 3) จากที่ต่างๆ ที่ให้คุณสมบัติเหมาะกับน้ำเสียที่ต่างกันชนิดไป แล้วพาไปดูห้องปฏิบัติการที่ทดสอบดินที่ว่า(รูปที่ 4) และดูเครื่องมือต่างๆ (รูปที่ 5)
(6) (7) (8) (9)
จากนั้นพานั่งรถต่อไปยังสวนสาธารณะที่ใช้สำหรับให้น้ำมาท่วมโดยเฉพาะ(รูปที่ 6) เป็นพื้นที่ริมแม่น้ำ กว้างๆ และมีขอบสูงมาก กันพื้นที่ไว้ ตกแต่งเป็นสนามหญ้า แบบสวนสาธารณะ ปลูกหญ้า ปลูกต้นไม้ห่างๆ มีทางเดิน ทางจ๊อคกิ้ง ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้า ห้ามจักรยาน และไม่มีสิ่งปลูกสร้างถาวร ที่เห็นเต้นท์เป็นพวกนิทรรศการ กิจกรรมที่เตรียมจะมีวันพรุ่งนี้ พื้นที่นี้ในฤดูน้ำหลาก น้ำจะสูงถึงสะพาน(รูปที่ 7) คือท่วมทั้งหมดที่เห็นนี้(รูปที่ 8) แต่ทำให้เกิดการชะลอตัว และถ่ายเทออกไปได้ดี จึงไม่ท่วมบ้านเรือน
(10) (11) (12) (13)(14) (15) (16) (17)
เดินเลยไปตามขอบของสวน จะมีห้องน้ำสาธิต(รูปที่ 10) เป็นห้องน้ำที่ใช้การบำบัดต่อด้วยดิน หน้าตาเหมือนส่วนทั่วไป แต่ไม่มีกลิ่น ส้วมนี้ขนาดรองรับได้ ประมาณ 15 คน (รูปที่11-13) แต่ที่จริงแล้วมีผู้ใช้บริการมากว่านี้ เพราะมีคนมาใช้สวนสาธารณะนี้มาก สวนนี้มีส้วมแบบนี้ 2 ที่ แยกชายหญิงฟากละ 2 ห้อง และโถปัสสวะชายอีก 4 ที่ น้ำที่บำบัดแล้ว ต่อมาใช้กับต้นไม้ ดอกไม้ได้อีก โดยแทบไม่ต้องรดน้ำเพิ่ม(รูปที่ 14-15) ทั้งสวนมีคุณลุงคนขวามือสุดนี้ดูแล และคอยอำนวยความสะดวกให้ อาจารย์ก็ขอถ่ายรูปใหมู่กับส้วม อืมมมม... แปลกดี แต่ทุกคนก็โพสต์ท่าเต็มที่ (รูปที่ 16) เดินกลับมายังเห็นกล้องวงจรปิดที่คอยตรวจเช็คระดับน้ำด้วย (รูปที่ 17)กว่าจะถึงโรงแรม (นี่ไง โรงแรมที่เราพัก รูปที่ 18) ก็ตั้งบ่าย 2 โมงกว่า ทุกคนหิวกันมาก เพราะไม่ยอมพักกลางวัน รีบบรรยายๆ ให้จบ ระหว่างเดินทางกลับเลยโมโหหิวกัน ผมเตรียมเป้ใส่กล้อง เสื้อกันหนาว และขนม เลยควักขนมมากิน พอฉีกซองก็รู้สึกว่า เพื่อนคงต้องการมากกว่า แขก 2 คนจากมาเลเซีย เขายังไม่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้า เพราะรีบ มาแต่เช้า เลยหงุดหงิดมาก บ่นๆๆ เลยเอาให้ทาน เขาก็รู้สึกแปลกใจ และเกรงใจ เห็นเราก็หิวเหมือนกัน และไม่ยอมรับ ผมบอกว่า ผมทานข้าวเช้ามาแล้ว และคงมีความสุขมากว่าถ้าเห็นทั้งสอง รองท้องบ้าง ฮ้า... น้ำตาคลอเลย และรับไป รองท้องอันที่จริงก็ซอง 105 เยน นิดเดียว พวกคุกกี้และถั่วปนกัน แต่มันเป็นแป้งไง อยู่ท้อง และหายโมโหได้ และก็คิดขึ้นมาได้ อุตส่าห์เหลือให้ผมหน่อยหนึ่ง เขาบอกว่าขอบคุณมากๆ เลย ถ้าเป็นเขา เขามีขนมคงไม่แบ่งให้ผมหรอก นี่มันเรื่องแปลกมาก และรู้สึกดีมากสำหรับเขา ฟังดูก็ขำดี การเอื้อเฟื้อแม้เพียงเล็กน้อย ก็ประทับใจได้ขนาดนี้
(18) (19) (20) (21)(22)
ถึงโรงแรมคุณอิซูกะ-ซัง ก็บอกให้แยกกันทานอาหารตามสบาย ผมก็บอกว่า อยากกินอาหารญี่ปุ่น คุณอิซูกะ-ซัง เลยชวนกันไปอีก 4 คน ผม บุน-ซัง (กัมพูชา) จาง-ซัน, แฟ่ง-ซัน (จีน) ไปภัตตาคารญี่ปุ่น ที่ชั้น 10 ของโรงแรมก่อนเข้าร้านผมก็ถ่ายโมเดลมาให้ดู นี่(รูป19-21) เป็นโมเดลของปลอมนะ ดูน่ากินมากเลย เราเลือกได้จากตรงนี้ เพราะเขาโชว์ทั้งรูปร่างลักษณะ ขนาด และราคา ผมสั่งอูด้ง มาทาน เป็นหมี่ญี่ปุ่น ทานกับเทมปุระ พวกปลา กุ้ง ผัก น้ำซุป ฯลฯ สำหรับอิซูกะ-ซัง บอกว่านี่เป็นราคาธรรมดาสำหรับคนญี่ปุปุ่น แต่พวกคุณเถอะ รับราคานี้ไหวไหม คือราคาประมาณ 1,000-1,500 เยน เพราะค่าเงินในประเทศเราต่างกัน ทุกคนก็ตอบ OK อาหารขุดของผม 1,100 เยน ประมาณ 440 บาท เราทานที่ไทยราคานี้ต่อมื้อบ่อยไป และผมก็คิดว่าของฟรี เพราะไจก้าเขาโอนเงินมาให้เราแล้ว ไม่ได้ควักเองซักหน่อย มีความสุขดี อร่อยพอได้ ทานตอนร้อนๆ ขนาดกัมพูชา บุน-ซัง ยังไม่อิดออดเลย(โดนผมกล่อมว่า น่า ซื้อประสบการณ์ ไจก้าโอนให้เราแล้ว ไม่ใช่เงินจากบ้านเรา) ค่าเงินของเขาแพงกว่าไทยอีกหลายเท่าที่นี่โอซาก้าของใช้ไฟฟ้าถูก เพราะเป็นแหล่งผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิกส์หลายยี่ห้อ ก็เลยชวนกันไปดู มีห้างใหญ่คล้ายพันธุ์ทิพย์บ้านเรา(รูป 25-26) โดยเฉพาะกล้องถ่ายรูป บุน-ซังได้กล้องที่นี่ตัวหนึ่งของโซนี่ ขนาด 5 ล้านพิกเซล เขาบอกว่าราคาไม่ต่างกัมพูชานัก แต่อยากซื้อเพื่อเป็นของที่ระลึกที่มาญี่ปุ่น ผมไปเล็งไมโครไดรฟ์สำหรับกล้องถ่ายรูปของผม 4 กิกะไบท์ แต่ซื้อไม่ลงราคาแพงไปหน่อย ประมาณ 20,000 บาท ตอนนั้นไทยยังไม่มี จากนั้นเราก็มาเดินเล่นดูบ้านดูเมือง และเก็บภาพมาฝากพวกเรา มีถนนคนเดิน(ตรงกลางๆ รูปที่ 23-24) ถ่ายสถานีรถไฟโอซาก้า (รูปที่ 25) รูป คนเข้าคิวซื้อข้าวกล่อง อย่างนี้มีหลายร้าน ซื้อกลับไปทานที่บ้าน หรือระหว่างทางกลับบ้าน (รูปที่ 28) บางร้านก็ไม่มีคนเลย เจ้าของยังหันหลังให้อีกต่างหาก (รูปที่ 29)
(23) (24) (25) (26) (27) (28) (29)
ขากลับผ่านมาทางซับเวย์ คือถนนใต้ดินถนนที่นี่เชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดิน นี่เป็นสถานีโอซาก้าที่เดียว การตกแต่งแต่ละจุด ให้บรรยากาศแตกต่างไปเลย (รูปที่ 30) ตรงนี้เป็นน้ำพุ หลังคาค่อนข้างสูงเพิ่มความโล่งโดยทำข้างบนเหมือนท้องฟ้า เดินต่อมาตรงนี้ผู้คนจอแจเหมือนจะวิ่งกัน มีลวดลายเหมือนน้ำลื่นไหล ดูไม่ขัดตา(รูปที่ 31) ส่วนที่ผ่านช่องตรวจตั๋วอัตโนมัติ ก็แต่งให้เรียบง่าย (รูปที่ 32)
(30) (31) (32)ก่อนเข้าห้อง เร่หาซื้ออาหารกล่องพักใหญ่ เพราะดึกแล้ว มาดูทีวีที่ห้อง สนุกดี ตลก เพราะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง โตโต้-ซัง ได้กล้องมาใหม่เหมือนกัน กำลังเห่อ ถ่ายไปทั่วเหมือนกัน ส่วนมากถ่ายรูปตัวเอง ให้เพื่อนถ่ายให้ มาถึงโรงแรมก็ให้ผมไปถ่ายภาพใส่ชุดนอนของโรงแรมในห้องพักดูคล้ายกิโมโนเขาเลย ความจำที่เขาแถมมา แค่ 128 Mb เลยตั้ง ขนาดแค่ VGA (640*480 จุด) เพื่อจะถ่ายได้เยอะๆ เวลาอัดคงไม่คมชัดหรอก ผมถ่ายอย่างน้อยก็ 2Mb รูปสำคัญ น่าจะขยาย ก็ขนาด 6-12Mb เพราะก๊อปลงซีดีได้ นอนนะครับ พรุ่งนี้จะได้ทัวร์เมืองกันแล้ว ราตรีสวัสดิ์