USA is Beauty
ตอน สะพานโกลเด้นเกต
วันที่ 16 ตุลาคม 2553


(1) (2) (3) (4) (5) (6)

ลงมาจากเขาแล้ว เราจะไปดูสะพานโกลเด้นเกตกัน บ้านเรือนที่นี่ แต่งต่างกัน จะเห็นว่า กว้างเท่าๆ กัน แต่ ไม่ได้สร้างแบบตึกแถวทาวน์เฮาส์บ้านเรา คือต่างคนต่างมีรูปแบบของสถาปัตยกรรม ที่ค่อนข้างจะต่างกัน (1-2) ต้นไม้ก็แตกต่างกันไป  เสน่ห์บ้านเรือนอีกอย่างที่นี่คือ เป็นไปตาม ความสูงชันของพื้นดิน (3-4) ที่นี่สร้างบนภูเขา ความลาดเอียง จึงทำให้มองภาพได้ต่างกัน  และยังแบ่งต่ามกลุ่มอีกด้วย เช่นตรงนี้ เป็นกลุ่ม ญี่ปุ่น (5) ดูจะชอบธรรมชาติมาก บางที่คล้ายปราสาท (6)

(7) (8) (9) (10) (11)

ทางที่ผ่าน มีรถใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงาน เป็นแบบรถเมย์ ไม่มีราง มีโยงเส้นสายไฟฟ้าเป็นทางอย่างนี้ ที่นี่ไม่มีแบ่งเลนประเภทรถ สามารถขับไปในเลนที่รถไฟฟ้าวิ่งได้เลย (7-11)

(12) (13) (14) (15)

จอดรถที่ลานข้างๆ สะพานแล้ว มีตกแต่งด้วยดอกไม้หลายอย่าง มาดูดอกไม้เล็กๆ นี้ก่อน ดอกสีชมพูนี้ ขนาดประมาณ หัวแม่มือ สวยคล้ายซากุระ

(16) (17) (18) (19) (20) (21) (22)

สะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge) (16-22) มาถึงแล้ว เป็นสะพานทอดยาวข้ามอ่าวตอนเหนือของเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาสร้างในสมัยประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ เมื่อปี ค.ศ. 1933 เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1937 ตอนกลางสะพานยาว 1,280 เมตร กว้าง 27 เมตร  สูงกว่าระดับน้ำทะเล 67 เมตร มีทางรถยนต์ 6 ทาง รถบรรทุก 3 ทาง รถไฟ 2 ทาง ใช้งบประมาณก่อสร้างราว 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในสมัยนั้น สะพานโกลเดนเกตกลายเป็นสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก เมื่อสร้างเสร็จใหม่ๆ สะพานกลายเป็นสัญลักษณ์ของสหรัฐอเมริกาไปโดยปริยาย ปัจจุบันนี้เองผู้คนทั่วโลกเองก็ยังคงรู้จักสะพานโกลเดนเกตและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกา และจากผลการสำรวจสถานที่ที่น่าประทับใจของสถาบันสถาปนิกอเมริกัน พบว่าอยู่ในอันดับที่ 5 ของสถานที่ต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา คนลาว เรียกที่นี่ว่า ขัวแดง (สะพานแดง) เพราะทาสีกันสนิมด้วยสีแดง ที่ฝรั่งเรียก โกลเด้นเกต เพราะเวลาตะวันตก แสงตะวันทำให้มองเป็นสีส้มทอง ตอนนี้ไม่มีแดด ก็เป็น ขัวแดงไปก่อน

(23)

จากตรงนี้ มองไปเห็นเกาะอัลคาทราซ (บางครั้งเรียกว่า อัลคาทราซ หรือ เดอะร็อค) เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางอ่าวซานฟรานซิสโก  ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา (23) เกาะนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งประภาคาร ป้อมปราการของกองทัพ และยังเป็นคุกทหารจนถึงปี 1963 หลังจากนั้น เกาะอัลคาทราซก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ปัจจุบันนี้ เกาะอัลคาทราซเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์จากการอนุมัติโดยหน่วยงานอุทยาน แห่งชาติ ที่เป็นส่วนหนึ่งของ "Golden Gate National Recreation Area" และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมโดยเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือ 33 ใกล้กับ ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ (Fisherman's Wharf) ในซานฟรานซิสโก นอกจากนี้เกาะแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในปี 1986

ชื่อของเกาะได้รับการตั้งขึ้นเมื่อปี 1775 เมื่อนักสำรวจชาวสเปน ฮวน มานูเอล เดอ อยาลา ทำการสำรวจอ่าวซานฟานซิสโก และตั้งชื่อตามขนาดของเกาะว่า ลา อิสลา เดอ ลอส อัลคาทราซ ซึ่งแปลว่า "เกาะแห่งนกกระทุง" เกาะแห่งนี้ไม่เหมาะที่จะอยู่อาศัย เนื่องจากกระแสน้ำทะเล พืชผักที่มีปริมาณน้อยมาก และพื้นดินที่แห้งแล้ง เนื่องจากเกาะแห่งนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางอ่าวตามธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยน้ำ ที่มีอุณหภูมิเยือกแข็งและคลื่นลมแรง เกาะอัลคาทราซ จึงได้รับการพิจารณาให้ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ ในปี 1861 เกาะนี้ได้เป็นที่รองรับนักโทษจากสงครามกลางเมืองจากรัฐต่างๆ และผลพวงจากสงครามเสปน-อเมริกัน ในปี 1898 ทำให้จำนวนนักโทษเพิ่มขึ้นจาก 26 คน เป็น 450 คน จากนั้นในปี 1906 ได้เกิดแผ่นดินไหวในซานฟานซิสโก (ที่ทำลายเมืองนี้อย่างรุนแรง) บรรดานักโทษจึงถูกย้ายไปบนเกาะเพื่อความปลอดภัย ในปี 1912 มีการก่อสร้างคุกขนาดใหญ่ที่ใจกลางเกาะ และในปลายทศวรรษ 1920 อาคารสามชั้นนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ กองทัพสหรัฐใช้เกาะอัลคาทราซมามากว่า 80 ปี คือจากปี 1850 จนถึงปี 1933 จากนั้นเกาะนี้ได้ย้ายไปอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงยุติธรรมเพื่อใช้เป็น ที่คุมขังนักโทษ รัฐบาลได้ใช้เป็นสถานที่ดัดสันดานที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด ปราศจากสิทธิพิเศษใดๆ เพื่อจัดการกับบรรดานักโทษ และแสดงถึงประสิทธิภาพทางกฎหมายที่รัฐบาลต้องการลดคดีอาชญากรรมที่มีมากมาย ในช่วงปี 1920 และปี 1930 มีความพยายาม แหกคุกหลายครั้งแต่แทบไม่มีใครหลุดรอดจากการแหกคุก เพราะความหนาวเย็นนี่เอง

เกาะอัลคาทราซ ไม่ใช่ "เกาะแห่งความชั่วร้ายของอเมริกา" อย่างที่ปรากฏในหนังสือและภาพยนตร์ต่างๆ จำนวนนักโทษโดยเฉลี่ยประมาณคือ 260-275 คน (จำนวนนักโทษนี้ยังไม่ถึงปริมาณที่รองรับได้สูงสุด 336 คน ซึ่งนับได้ว่าจำนวนนักโทษของเกาะมีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของจำนวนนักโทษทั่วประเทศ) มีนักโทษมากมายถูกพิพากษาไว้ชีวิต และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่านักโทษที่อื่น (ยกตัวอย่างเช่น นักโทษหนึ่งคนต่อหนึ่งห้องขัง) ซึ่งมีนักโทษหลายคนขอย้ายไปอยู่ที่เกาะอัลคาทราซ

(24) (25) (26) (27) (28) (29) (30)

มีส่วนจำลอง สายเคเบิ้ลที่เห็น สายหนึ่ง เกิดจากการมัดรวมของเคเบิ้ลเหล็ก ขนาดปกติ ทำให้ได้เส้นเคเบิ้ลอย่างนี้ (24-25) เส้นผ่าศูนย์กลาง 92.4 ซม. ยาว เส้นละ 2331.7 เมตร แถวนี้ มีต้นไม้ดอกไม้สวยๆ ให้ชมกัน(26-30)

(31) (32) (33) (34) (35) (36) (37) (38) (39) (40) (41) (42) (43) (44)

ผมก็ไม่รู้จักทั้งหมดนะ ลองดู คิดว่าถูก ถ้าผิดก็ขอออภัย นี่เป็นดอกหลิวแคระ (31 - บ้านเราเรียกปรงล้างขวด) รูปนี้ หลายชนิด (32) สัม่วงๆ ฟ้าๆ ไม่ทราบชื่อ แต่สีเขียวชื่อฝรั่งว่า Hen and chick แปลว่าแม่ไก่กับลูกเจี๊ยบ ดอกสีส้มทอง (33) เรียกว่า ดาวเรืองฝรั่ง (Marry Gold) แต่บางท่านเรียก คาเลนดูล่า (Calendula) ไม่ทราบว่าชนิดเดียวกันหรือเปล่า ดอกรักเร่ (34) ก็สวย มีกลายสีด้วย สีส้มแดงกลางเหลือง (35) สีบานเย็น (36-37)  ดอกนี้คล้าย พยับหมอก บ้านเรา (38) แต่เข้าใจว่าไม่ใช่พันธ์เดียวกัน อันนี้ชอบ ดอกลาเวนเดอร์ (39-40) ดอกป๊อปปี้ (41) ดอกนี้ไม่รู้จัก สวยดี(42) เมื่อกี้ภาพ 13 ก็มีตรงลานจอด ตรงนี้ก็มีอีก สวยครับ ดอกออสซี่เดลซี่ (43) และดอกแฟชชั่น (44)

(45) (46) (47) (48) (49) (50) (51)

ถ่ายรูปกับสะพานโกลเด้นเกต กันเป็นที่ระลึกครับ สวย ไก้ด์บอกว่าโชคดีที่ฟ้าเปิด ปกติจะมองไม่เห็นฟากโน้น จริงหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ทำให้เราถ่ายกันใหญ่ (45-51) จนจะหมดเวลาละ เดี๋ยวเราไปต่อกันกลางสะพานกันนะ รอชมครับ


ไตรรงค์.เน็ต || USA is Beauty

    ทางลัด เลือกคลิกหน้า ได้ตรงนี้ครับ